เข็มนาฬิกาเดินผ่านเลขสิบสองบอกให้รู้ว่าได้ล่วงเข้าสู่วันใหม่แล้ว หากชายหนุ่มผิวสีทองแดงจางๆ กลับยังคงนอนตาค้างอยู่บนเตียง เขาหลับไม่ลงเอาเสียจริงๆ หลับตาทีไรก็เห็นแต่วงหน้ารูปไข่ล้อมกรอบด้วยเรือนผมสีน้ำตาลไหม้ลอยตามมาทุกที ไหนจะดวงตาสีน้ำตาลเข้มหวานซึ้งกับรอยยิ้มน่ารักๆ นั่นอีกเล่า นึกขึ้นมาทีไรก็พานไม่อยากจะหลับ อยากแต่จะลุกขึ้นแล้วบึ่งรถไปหาหล่อนถึงบ้านอีกครั้ง ทั้งๆ ที่เพิ่งจะลาจากกันมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนนี่เอง
ทำไมหล่อนถึงติดอยู่ในใจเขาขนาดนี้ กฤตินถามตัวเองอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็รู้ๆ อยู่แล้วว่าหล่อนน่ะเป็นผู้หญิงประเภทไหน แล้วจิตใจจะคอยกระหวัดไปหาหล่อนทำไมเรื่อยๆ ก็ไม่รู้ แค่จีบให้ติด ‘คั่วให้ได้’ แล้วสนุกกันไปเรื่อยๆ เหมือนที่เคยทำก็พอแล้ว ไม่เห็นจะพิเศษกว่าครั้งอื่นๆ ตรงไหนเลย…ไม่เลย…แม้แต่นิดเดียว
หรือจะเป็นเพราะความประทับใจในความไม่เหมือนใครของหล่อน ตั้งแต่เย็นมาแล้ว หล่อนมีอะไรต่ออะไรมาให้เขาแปลกใจหลายเรื่องเสียจนตั้งรับแทบไม่ทัน ไม่เห็นมีอะไรเหมือนข้อมูลที่เคยได้ยินได้ฟังมาสักอย่าง
ผู้หญิงที่แต่งหน้าจัด แฟชั่นลิซึ่มสุดฤทธิ์กลายมาเป็นผู้หญิงที่ไม่แต่งหน้าเลยสักกะติ๊ด แถมยังใส่เสื้อเชิ้ต กางเกงขายาวกับรองเท้าคัชชู ไม่ใช่ชุดกระโปรงเปรี้ยวจี๊ดกับรองเท้าส้นสูงสักหน่อย คนที่คิดว่าจะต้องเอาสถานที่หรูหราแพงระยับมาดึงดูดกลับกลายมาเป็นคนที่เขวกับการเอาภาพยนตร์มาล่อ ดีนะที่เขาเชื่อสัญชาตญาณของตัวเองจากข้อมูลที่ได้รับเมื่อคืน ถ้าเอาดินเนอร์ใต้แสงเทียนมาเสนอ มีหวังคงถูกปฏิเสธเด็ดขาดชัวร์
และจากข้อมูลที่ได้รับมา คนอย่างธีร์วรา ภคภัทราไม่น่าจะอ่านหนังสืออะไรเป็น นอกจากนิตยสารแฟชั่น แต่ผู้หญิงทะมัดทะแมง (ทะมัดทะแมงนะ ไม่ใช่มาดนางพญา) คนนี้มีประกายตาวาววับ ยามเดินเข้าไปในร้านหนังสือการ์ตูน ยืนเลือกหนังสืออย่างชำนาญการ กลมกลืนไปกับเด็กมัธยมคนที่ยืนข้างๆ ท่าทางเหมือนมือเก๋าที่ร้างลาวงการไปนานกำลังดีใจที่จะได้รับกลับสู่ยุทธภพอีกครั้ง
แล้วไหนจะเรื่องการใช้เวลาในร้านหนังสืออย่างสบายใจเฉิบอีก เขาค่อนข้างมั่นใจเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำว่าผู้หญิงอย่างหล่อนคงจะต้องโปรดปรานการช็อปปิ้ง ซื้อเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า หรือเครื่องประดับแน่ๆ ที่ไหนได้ หล่อนเดินผ่านแผนกต่างๆ เหล่านั้นอย่างไม่สนใจไยดีเลยสักนิด พอใจที่จะเข้าร้านหนังสือ เดินชมแกลลอรี่ และเข้าร้านขายซีดีมากกว่า
คิดถึงกิริยาของหล่อนในร้านหนังสือ หล่อนเดินสำรวจซะทั่วร้าน หยิบเล่มที่น่าสนใจมาพลิกดู พลิกอ่าน หรือที่เรียกกันว่า ‘ชิมหนังสือ’ อย่างไม่มีท่าทีเก้อเขิน ดูท่าว่าหล่อนออกจะเป็นหนอนหนังสือพันธุ์แท้เลยด้วยซ้ำ รู้ได้ไงน่ะหรือ ก็เพราะทั้งเขาและพี่สาวก็มีอาการเหมือนหล่อนนี่แหละเวลาเข้าร้านหนังสือ และจากที่เขาเห็น หล่อนเดินอ่านเดินชิมไปทั่ว ทั้งนิตยสาร สารคดี จิตวิทยา หรือกระทั่งตำราทำอาหาร ก่อนจะมาจบลงด้วยหนังสืออ่านเล่นสี่เล่มนั้น แถมเซอร์ไพรส์เขาด้วยตำรา ‘Modern & Contemporary Arts’ ปกแข็งเล่มใหญ่ราคากว่าพันบาท!
ไหนจะตอนทานข้าวอีก แรกๆ เขาก็ยังหวั่นๆ อยู่ว่าจะพบกับผู้หญิงมาดเฉียบเนี้ยบ ผู้รับประทานแค่สลัดหรือซุปเป็นอาหารเย็น แต่กลับพบผู้หญิงที่ทำตัวสบายๆ บ่นยุกยิกนิดหน่อยเรื่องอดดูหนัง สั่งอาหารจานเดียวง่ายๆ กับน้ำผลไม้ปั่น แล้วก็สนทนากับเขาด้วยเรื่องทั่วๆ ไป หล่อนเป็นคู่คุยที่ถูกคอพอสมควรเสียด้วยสิ มีความรู้รอบตัวกว้างขวางเอาการ ไม่ใช่พวกที่ดีแต่สวย แล้วไร้สาระไปวันๆ
หล่อนมีท่าทางเป็นมิตร มีรอยยิ้มจริงใจ เป็นคู่สนทนาที่ดี หากก็แค่นั้น ไม่ได้มีทีท่าว่าจะทอดสะพานให้เขาหรือจะเดินข้ามมายังสะพานที่เขาทอดเอาไว้เลย ท่าทีของหล่อนนั้นกำหนดขีดคำว่า ‘เพื่อน’ ไว้อย่างชัดเจน และจะไม่ยอมให้เขาฝ่าไปไกลกว่านั้นได้ง่ายๆ
ที่ทินกรมันเล่ามา ใช่ธีร์วราคนนี้แน่นะ
ทำไมสิ่งที่ตาเห็นกับสิ่งที่ได้ยินมาไม่เห็นมีอะไรตรงกันสักอย่าง เขาตีความข้อมูลผิดพลาด คาดการณ์ผิดพลาด หรือข้อมูลมันผิดพลาดมาแต่แรกแล้วล่ะเนี่ย
หรือว่านี่จะเป็นแผนการรุกเงียบของหล่อน กลยุทธ์ที่หล่อนใช้กับชายแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันออกไป หล่อนถึงทำให้เขาแปลกใจซ้ำแล้วซ้ำอีกตลอดหัวค่ำที่ผ่านมา ถ้าเป็นกลยุทธ์จริงก็จัดว่าหล่อนเป็นคู่ต่อสู้ที่เหนือชั้นทีเดียว หล่อนทำให้เขากลับมานอนกระสับกระส่ายคิดถึงหล่อนได้ขนาดนี้ แล้วนี่เขาทำให้หล่อนคิดถึงเขาได้บ้างหรือเปล่าหนอ