นิลยาถอนใจ เหลือบตามองคนข้างๆ แวบหนึ่ง ธีร์วราปล่อยผมสีน้ำตาลไหม้สยายเต็มแผ่นหลังตามธรรมชาติ ใบหน้าเนียนเกลี้ยงปราศจากเครื่องสำอางใดๆ แต่งแต้ม สวมเสื้อยืดคอกลมสีขาวเรียบๆ ปักยี่ห้อหรูตรงหน้าอกกับกางเกงยีนสีอ่อน รองเท้าผ้าใบคู่เก๋สีเทา ดูสบายๆ แต่ไฮคลาส เพื่อนรักปรับตัวได้ดีทีเดียว ความเป็นอรกานต์ฉายชัด หากความเป็นธีร์วราก็ปรากฏ หล่อนเชื่อว่าเพื่อนจะไปรอด รอดอย่างดีด้วย ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล
คิดได้ดังนั้นจึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเจือรอยยิ้ม “แหม ขนาดลำบากยังมีผลงานเนี้ยบขนาดนี้ ต่อไปฉลุยแน่ ฉันว่าแกไม่ต้องกลัวอะไรแล้วแหละ เชอะ เป็นคนสวยแค่ไม่กี่ปีทำมาบ่น”
อีกฝ่ายจึงได้แต่หัวเราะเบาๆ
อรกานต์รู้สึกเต็มตื้นขึ้นมาในหัวอกทันทีที่ก้าวเท้าเข้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ขนาดอยู่อาศัยเพียงแค่หกเดือนก่อนจะเดินทางไปต่างประเทศ กลับมาคราวนี้กลับรู้สึกผูกพันเหมือนได้กลับบ้าน…ดีใจ อบอุ่นใจ…
จริงอย่างที่นิลยาว่าไว้ ต้นห้องของหล่อนมารอเตรียมช่วยยกกระเป๋า แม่ครัวเตรียมอาหารไว้พร้อม ท่านนายพลกับคุณหญิงออกไปทำงานแต่ก็ได้สั่งไว้ว่าเย็นนี้ท่านจะมารับไปทานอาหารนอกบ้าน อรกานต์ยิ้มให้ทุกคนที่มายืนรอหน้าบ้าน รู้สึกเหมือนได้กลับมาอยู่ในหมู่ญาติสนิทมิตรสหายจริงๆ หล่อนจึงตัดสินใจเปิดกระเป๋าใบใหญ่กลางห้องรับแขก ดึงของฝากออกมาแจกจ่ายคนในบ้านทุกคนรวมทั้งนิลยา ก่อนจะวานแดงให้ยกกระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้อง และตัวหล่อนก็ไปทานอาหารที่ป้าสายใจจัดเตรียมไว้
ภายในเวลาไม่นาน หล่อนก็ได้อยู่ในห้องนอนกับนิลยาตามลำพัง
“ทำไมแกกินน้อยจังวะไอ้อ้อ เพิ่งมาเหนื่อยๆ โทรมๆ น่าจะกินเอาแรงไว้หน่อย ป้าแกอุตส่าห์ทำไว้ให้”
“สงสัยมันจะเพลียน่ะ ตื้อๆ ไม่ค่อยหิว”
“ของน่ากินทั้งนั้น เสียดาย” คนเป็นเพื่อนท้วงด้วยเหตุผลสำคัญ
อรกานต์หัวเราะ “ก็เพราะคิดอย่างนี้ ฉันถึงอ้วนขึ้นขนาดนี้ไง ก่อนไปก็น้ำหนักขึ้นกิโลฯ นึงแล้ว ก่อนกลับมานี่ ชั่งอีกรอบ รวมๆ แล้วก็ขึ้นเกือบห้ากิโลฯ”
“ห้ากิโลฯ เชียวหรือ?!”
“อือ…อยู่ดีกินดีไง อยู่นี่ก็มีอาหารป้าสายใจ เข้าภัตตาคาร เข้าโรงแรม อร่อยเหาะทั้งนั้น ไปโน่นก็มีเงินเข้าภัตตาคารซื้อของดีๆ กินบ้างเป็นครั้งคราว ถ้าไปแบบกระเป๋าแห้งๆ อย่างเรา มีเงินพอแค่ซื้อแซนด์วิชในซูเปอร์มาร์เก็ตคงกลับมาแบบผอมโซ”
“ไม่เชื่อหรอก” คนเป็นเพื่อนรีบค้าน “แกคงกลายเป็นตุ่มกลับมามากกว่า ช็อกโกแลตแถวนั้นถูกไม่ใช่เหรอ กินมันแทนข้าวไปเลย ทั้งถูกทั้งอร่อย”
อรกานต์หัวเราะอีกครั้ง ในขณะที่นิลยาส่ายหน้า “เค้าอยู่ของเค้ามายี่สิบกว่าปี หุ่นเช้งวับอย่างกับนางแบบ แกมาแป๊บเดียว แค่สามปีเอง น้ำหนักขึ้นไปห้ากิโลฯ แล้ว เชื่อเลย”
ผู้ถูกกล่าวหาหน้าบึ้ง รีบแก้ตัว “ของเดิมผอมไปโว้ย สูงร้อยเจ็ดสิบเซ็นต์ หนักสี่สิบเจ็ด ฉันมาช่วยทำให้แข็งแรงทนทานขึ้นย่ะ สูงร้อยเจ็ดสิบเซ็นต์ หนักห้าสิบสอง ดูแล้วก็ยังเช้งอยู่ แถมลมพัดก็ไม่ปลิวด้วย”
“อ๋อเหรอ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงหรอกเหรอ ฉันคิดว่าเพราะความตะกละของแกเสียอีก”
อีกฝ่ายทำเสียงชิในลำคอ เบ้ปากเล็กน้อย “ถ้าเพราะความตะกละของฉันน่ะ ป่านนี้หนักร้อยกิโลฯ ไปแล้ว แกไม่มาเป็นฉันไม่รู้หรอก คุณเธอกระเพาะเท่ามด กินเข้าไปกระติ๊ดก็อิ่ม วันไหนวันพิเศษจะฉลองสักหน่อยก็ดันปวดท้อง อาหารไม่ย่อย กระเพาะกับลำไส้ไม่ทำงาน โคตรอายหมอเลย”
นิลยาฮาลั่น
“ไม่ต้องมาหัวเราะเยาะหรอก แกน่ะต้องอิจฉาที่ฉันมีระบบป้องกันความฉุแบบอัตโนมัติอยู่ในร่างกาย ไม่ต้องคอยตามผลาญแคลอรีทีหลัง”
“ไม่เป็นไรว่ะ ฉันยินดีตามผลาญแคลอรีแบบเดิม เป็นสุขดี”
คราวนี้สาวตาคมหันมามองหน้าเพื่อนตรงๆ กวาดสายตาสำรวจไปทั่วเรือนร่าง “ดูๆ ไป ฉันก็ชักจะเห็นด้วยกับแกนะ ของเดิมน่ะผอมไป ดูอ่อนแอ ขี้โรค ตอนนี้ดูรู้ว่าอ้วนขึ้นนิดหน่อยแต่ยังสวยอยู่ ดูแข็งแรง ขนาดโทรมๆ อดนอนอย่างนี้ ยังดูผิวผ่อง หน้าใส สุขภาพดี”
“กว่าจะได้ขนาดนี้ อย่าให้เซดเลยว้า ต้องกินข้าวทุกมื้อ ต้องนอนให้พอ ต้องออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่อย่างนั้นเดี้ยงเอาง่ายๆ ไปนอนให้น้ำเกลือมาสามรอบแล้ว จะไม่ยอมมีรอบที่สี่เด็ดขาด แค่คิดก็สยองแล้ว ไม่ยอมเด็ดๆ”
นิลยาหัวเราะในลำคอ ตัดบทสนทนาอย่างง่ายๆ “งั้นแกไปอาบน้ำก่อนไป เดี๋ยวออกมานอนซะ ตาจะปิดอยู่แล้ว แล้วเดี๋ยวตอนบ่ายโมงตรง ฉันจะไปปลุก ขืนปล่อยแกนอนยาว คืนนี้คงได้เป็นนกฮูกแน่”
“เป็นความคิดที่ดีแฮะ อาบน้ำ…นอน…”
อรกานต์ยิ้มหวานให้เพื่อนก่อนจะหายวับไปทางห้องอาบน้ำ ทิ้งให้นิลยามองตามด้วยประกายตาบางอย่าง
…มั่นใจ! สาวเซอร์หน้าคมมั่นใจจริงๆ ว่าธีร์วราคนใหม่นี้ไปได้สวยแน่ อนาคตข้างหน้าจะต้องสวยงามแน่นอน
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 11 ก.พ. 64