บทที่ 1
แสงจันทร์สาดส่อง
ลมกลางคืนพัดผ่านต้นหญ้าดังแซกซ่า พาให้ละอองสีขาวอ่อนโยนกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
ฟ้ามืดนานแล้ว บนถนนเล็กริมแม่น้ำที่กันดารห่างไกลแห่งนี้ไม่มีผู้คนสัญจรไปมา มีเพียงต้นไม้ใบหญ้าส่ายไหวตามแรงลมเงียบๆ
เวลากลางดึกอันเงียบสงัดนี้เอง รถเทียมลาคันหนึ่งแล่นช้าๆ มาจากที่ไกลๆ ล้อรถบดผ่านถนนที่เป็นดิน พาให้โคลนกระเด็นขึ้นเล็กน้อย
ลาลากรถเดินอย่างเชื่องช้า บางคราถูกดอกอ้อที่ปลิวเต็มท้องฟ้ารบกวน สะบัดหัวพ่นลมหายใจออกทางรูจมูก
ดอกอ้อทั้งขาวและเบาถูกสายลมพัดพาประหนึ่งหิมะในฤดูหนาว ปลิวผ่านรถเทียมลาไป
คนบังคับรถนั่งอยู่บนที่นั่งคนขับอย่างผ่อนคลาย แม้จะดึกแล้ว แต่เขาไม่รีบร้อน ไม่หวดแส้เร่งลา เพียงมองทิวทัศน์บนถนนใต้แสงจันทร์อย่างรื่นรมย์ ทั้งยังกินเหอเถา* ในกล่องไม้ที่วางอยู่บนที่นั่งเป็นครั้งคราว
เหอเถายังมีเปลือกอยู่ รมควันด้วยฟืนจากไม้มีผล คั่วด้วยเกลือสมุทรและเนย ทั้งหอมและเค็ม
เปลือกเหอเถาแข็งมาก ปกติต้องใช้เครื่องมือถึงจะเปิดได้ แต่เพื่อให้รสชาติซึมเข้าไป เหอเถากล่องนี้จึงถูกแง้มเปลือกไว้แล้ว ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ก็ยังคงต้องใช้เครื่องมือในการแกะเปลือกออก
ในกล่องไม้มีแผ่นเหล็กชิ้นเล็กสำหรับแกะเปลือกอยู่ด้วย แต่ชายหนุ่มบนรถเกียจคร้านยิ่ง เขาไม่ได้ใช้แผ่นเหล็กอันนั้น ทุกครั้งเมื่อหยิบเหอเถาขึ้นมา สองนิ้วจะบีบเข้าด้วยกันเบาๆ เพียงเท่านี้เปลือกที่แข็งเหมือนหินก็ปริแตกออก
ชายหนุ่มปล่อยให้ลาเดินช้าๆ แม้แต่เชือกบังเหียนก็ไม่ได้จับไว้
เขาชอบความรื่นรมย์สงบเงียบเช่นนี้ มองลมพัดเมฆเคลื่อน มองดอกอ้อปลิวว่อน ฟังเสียงน้ำไหลคลอเคล้าด้วยเสียงแมลงที่ร้องเป็นบางครา
แม้ฟ้าจะมืดแล้ว แต่คืนนี้แสงจันทร์งดงามยิ่ง
บริเวณนี้ไม่มีบ้านคน ไม่เห็นแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว แต่เพราะเช่นนี้แสงจันทร์จึงกระจ่างชัดยิ่งกว่าเดิม เขามองเห็นแม้กระทั่งเค้าโครงของภูเขาที่อยู่ไกลออกไป บางครายังมองเห็นนกอพยพบินผ่านฟ้ายามราตรีมุ่งไปข้างหน้าเป็นรูปอักษรเหริน
วันนี้ช่างผ่อนคลายโดยแท้
ชายหนุ่มกินเหอเถาคั่ว ไม่รีบร้อนเดินทาง นั่งพิงรถและปล่อยให้ลาเดินไปเรื่อยๆ เช่นนี้
ขณะที่เขากำลังยื่นมือไปหยิบเหอเถาอีกลูก ฉับพลันนั้นมีดเล็กที่บางดุจปีกจักจั่นก็พาดลงบนคอเขาจากด้านหลังเงียบๆ หากไม่เพราะตระหนักได้ทันท่วงที เกรงว่าหัวคงหลุดไปแล้วเป็นแน่
มีดเป็นมีดของเขา แต่มือที่ถือมีดอยู่หาใช่มือของเขา
เขาหลุบตามองไป เห็นมือเล็กสีขาวที่เจือสีเขียวข้างนั้น
สองวันก่อนเขาเพิ่งจะล้างนิ้วมือขาวเนียนของมือข้างนี้ทีละนิ้วจนสะอาด แม้แต่คราบเลือดในซอกเล็บยังใช้แปรงขนาดเล็กแตะน้ำทำความสะอาดจนหมดจด
ช่วยไม่ได้ ระหว่างทางเขาไม่มีอะไรทำ อีกทั้งคราบเลือดที่แห้งกรังเหล่านั้นเห็นแล้วขัดตายิ่งนัก
คนข้างหลังไม่ได้เอ่ยปาก เพียงจับด้ามมีดที่เหมือนด้ามพู่กันไว้ไม่ขยับ แววข่มขู่ชัดเจนแม้มิได้เอ่ยออกมา
อย่าขยับ
คำพูดนี้นางไม่ได้เอ่ยออกมา แต่เขาหาใช่คนโง่ เขารู้ดีว่าเวลานี้อย่าขยับตัวส่งเดชเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด
มีดนี้เป็นมีดเล็กที่อาจารย์อาสั่งทำให้เขาเป็นพิเศษ เขารู้ดีกว่าใครว่ามีดเล่มนี้คมเพียงใด
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าแม้มือของนางจะมั่นคงมาก ทว่าลมหายใจกลับไม่มั่นคงถึงเพียงนั้น หญิงผู้นี้บาดเจ็บสาหัส เป็นคนที่เขาเก็บมาจากริมน้ำเมื่อสามวันก่อน ตอนเขาไปล้างหน้าที่ริมแม่น้ำบังเอิญเห็นนางเข้า เดิมทีคิดว่านางเป็นศพที่ลอยมา คิดจะฝังนางเสีย ให้ร่างกลับคืนสู่ผืนดินและไปสู่สุคติ จวบจนช้อนตัวนางขึ้นมาจากน้ำแล้วถึงพบว่าหัวใจนางยังเต้นอยู่