นางแค่นเสียงหยันทีหนึ่ง ไม่มองเขาอีก หันหลังหมายจะจากไป ตอนถึงหน้าประตูนางชะงักไปครู่หนึ่ง หันกลับมาแล้วยื่นมือไปหยิบตะกร้าไม้ไผ่ ก่อนจะผลักประตูออกไปอย่างเร่งร้อน
ราตรีเงียบสงัดยิ่ง
ประตูปิดลงแล้ว
ชายหนุ่มที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงลืมตาขึ้น รออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้น ลงจากเตียง
ซ่งอิ้งเทียนไม่ได้ออกไปทางประตูใหญ่ แต่ปีนหน้าต่างออกไปเงียบๆ เหมือนแมว กระโดดขึ้นไปบนหลังคาบ้านชาวนาอย่างไร้เสียง
ท่ามกลางความมืดแทบจะมองไม่เห็นอะไรเลย แต่สายตาของเขาดีมาก หูยิ่งดีกว่า เพียงครู่เดียวก็พบร่องรอยของหญิงผู้นั้น
นางหิ้วตะกร้าไม้ไผ่เดินผ่านบ้านหลังแล้วหลังเล่า
เขารู้ว่าในตะกร้าไม้ไผ่เป็นเศษผ้าที่เปื้อนเลือดตอนเขาช่วยนางทำความสะอาดแผล ตลอดจนเสื้อผ้าสกปรก แต่เขาไม่รู้ว่านางจะเอาไปทำไม
ซ่งอิ้งเทียนตามหลังนางอยู่ไม่ไกลอย่างเงียบเชียบ นางไม่ได้หันกลับมา ไม่ตระหนักถึงตัวตนของเขาด้วยซ้ำ เอาแต่เดินอย่างเร่งรีบจนแทบจะวิ่งอยู่แล้ว
นางยังคงอ่อนแอเล็กน้อย บางครั้งร่างกายก็โงนเงน แต่นางฝืนประคองตัวไว้
นางเดินมาถึงริมแม่น้ำ โยนตะกร้าไม้ไผ่ลงไปในแม่น้ำสายเล็กๆ
ตะกร้าไม้ไผ่ผลุบๆ โผล่ๆ ขณะไหลไปตามกระแสน้ำ นางไม่ได้หยุดดู รีบหันหลังจะจากไป ทันใดนั้นเงาดำหลายสายปรากฏตัวที่ฝั่งตรงข้าม นางรู้สึกตัวในทันทีจึงหมอบลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว ซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้าริมแม่น้ำ
เงาดำเหล่านั้นพุ่งเข้าใส่ตะกร้าไม้ไผ่ที่ลอยน้ำไป พวกมันกระโจนลงไปในน้ำ อ้าปากแย่งกันกัดอย่างบ้าคลั่งเหมือนสัตว์ ถึงขั้นกัดกันเองด้วยซ้ำ
ไม่นานกลิ่นสาบก็ฟุ้งกระจายไปทั่ว กลิ่นนั้นชวนให้คนอยากอาเจียน
นางฉวยโอกาสนี้คิดจะขยับตัวไปยังต้นลม คิดไม่ถึงว่านางเพิ่งจะขยับตัว ลมกลับเปลี่ยนทิศทาง
เขามองเห็นดวงหน้าเล็กของนางซีดเผือดท่ามกลางความมืด เงาดำที่ยื้อแย่งตะกร้าไม้ไผ่อยู่ในแม่น้ำหันกลับมาและพุ่งมายังตำแหน่งที่นางอยู่
พวกมันมองไม่เห็นนาง แต่ได้กลิ่นของนาง
เดิมทีเขาคิดว่านางจะหันหลังวิ่งหนี แต่หญิงผู้นั้นไม่ได้ทำเช่นนั้น นางชักเคียวออกมาจากด้านหลัง ตัดหัวของตัวประหลาดสองตัวที่กระโจนเข้าใส่นางอย่างฉับไว
เดิมทีนางสามารถจัดการพวกมันได้ทั้งหมด แต่นางบาดเจ็บสาหัสอยู่ การเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงทำให้กระดูกซี่โครงที่ยังไม่ประสานกันดีฉีกออกอีกครั้ง นางชะงักไป ตัวประหลาดตัวสุดท้ายกระโจนเข้ามา อ้าปากงับมือซ้ายของนางที่ถือเคียวอยู่
เวลานี้เองนางชูแขนขวาที่ขาดขึ้นมาแล้วจู่โจมดวงตาของสัตว์ประหลาด ใบมีดคมกริบแทงทะลุหัวของมัน เขาถึงได้เห็นว่านางมัดมีดตัดฟืนเข้ากับแขนข้างที่ขาดตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้
สายลมฤดูใบไม้ร่วงพัดดังแซกซ่า
ภายใต้จันทร์เสี้ยว สองมือของนางถืออาวุธพลางหอบหายใจ ทั่วร่างอาบย้อมไปด้วยเลือดที่ทั้งดำและเหม็นสาบ ดูเหมือนสัตว์ป่าคลุ้มคลั่งตัวหนึ่ง
ทันใดนั้นบริเวณพุ่มหญ้าไกลออกไปมีการเคลื่อนไหว หญิงสาวถืออาวุธพุ่งเข้าไป เคียวในมือสะบัดออกไปในชั่วพริบตา ทว่านั่นไม่ใช่สัตว์ประหลาด ไม่ใช่เจ้าพวกที่ไล่ล่าสังหารนาง ซ่งอิ้งเทียนเงื้อมือขึ้นหมายจะหยุดยั้ง แต่จังหวะที่นางมองเห็นชัดเจนก็กลับยั้งมือไว้ได้ทัน
ครั้นเห็นนางหยุด ชายหนุ่มก็รีบคว้าด้ามกระบี่สีดำเล่มหนึ่งที่โผล่ออกมาจากต้นแขน ไม่ปล่อยให้มันพุ่งออกไป
ต้นหญ้าที่ถูกฟันจนขาดฟุ้งกระจายไปตามลม ใต้ต้นหญ้าเป็นเด็กอายุราวเจ็ดแปดขวบคนหนึ่ง เดิมทีเขาถอดกางเกงนั่งยองอยู่ในพุ่มหญ้าเพื่อปลดทุกข์ แต่ยามนี้กลับตกใจหน้าซีดจนน้ำตาไหลเต็มหน้า ทรุดนั่งลงบนพื้น สั่นเทิ้มไปทั้งตัวอย่างหยุดไม่ได้