นางเป็นคน
ความรู้ที่เขาร่ำเรียนมาทั้งหมดตอนนี้บอกเขาว่านางเป็นคน แต่ถ้านางเป็นคน นางน่าจะตายไปนานแล้ว
นางเป็นปีศาจหรือ
เขามองหญิงสาวตรงหน้า คิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน คิดถึงท่าทางของนางยามถือเคียวเล่มนั้นกลางสายลมใต้แสงจันทร์ คิดถึงสีหน้านางยามมองเด็กคนนั้น
นางยั้งมือไว้ นางสามารถฟันลงไปได้แต่ไม่ทำ
ซ่งอิ้งเทียนนั่งอยู่ตรงขอบเตียง จับจ้องหญิงสาวตรงหน้าที่ไม่รู้ว่าเป็นคนหรือปีศาจ มองดวงตาคู่นั้นของนางที่ยามนี้ปิดสนิท
ช่างเถอะ ในเมื่อได้พบเจอ นั่นย่อมเป็นวาสนา
ในเมื่อตัดสินใจแล้วเขาก็ไม่คิดมากอีก ถอดรองเท้าและขึ้นเตียง เข้าสู่ห้วงนิทรา
ดวงอาทิตย์เจิดจ้าแขวนตัวสูง
ลายังคงเป็นลาตัวเดิม รถยังคงเป็นรถคันเดิม
ตอนชายผู้นั้นอุ้มนางลงมาจากชั้นสอง เดินออกมาทางประตูหลังของโรงเตี๊ยม นางมองลากับรถเทียมลาที่จอดอยู่ตรงประตูหลังอย่างไม่อยากเชื่อ มั่นใจมากว่านี่เป็นลาตัวเดียวกันและรถคันเดียวกันกับที่นางขายให้คนอื่นไปเมื่อหลายวันก่อน
เข็มเงินยังคงปักอยู่บนตัวนางอย่างแนบเนียน เปลี่ยนตำแหน่งเป็นจุดชีพจรตรงไหล่และขา แม้จะไม่ได้ทำให้นางเปล่งเสียงไม่ได้อีก แต่ยังคงจำกัดการเคลื่อนไหวของนางไว้ได้เหมือนเดิม
เขาอุ้มนางขึ้นรถ ให้นางนั่งให้ดี ชายคนหนึ่งเดินตามเขามา เอ่ยเสียงค่อยข้างหลังเขา
“คุณชาย เรื่องที่ท่านสั่งจัดการเรียบร้อยหมดแล้วขอรับ”
“รบกวนหลงจู๊ฟางแล้ว”
“นี่เป็นสารที่เจ้าของหอใช้พิราบสื่อสารส่งไปทั่วเมื่อคืน กำชับว่าหากพบตัวท่าน ต้องมอบให้ท่านให้ได้”
“หลงจู๊ฟาง”
“ขอรับ”
“สองวันนี้เจ้าไม่เจอข้ากระมัง”
“เอ๋?”
“ข้าไม่เคยมาที่นี่ เจ้าเองก็ไม่เคยเจอข้า ใช่หรือไม่”
“อา…ใช่ขอรับๆ” หลงจู๊ฟางเป็นคนฉลาด เก็บกระบอกไม้ไผ่อันเล็กที่ยังไม่เปิดผนึกกลับเข้าไปโดยเร็ว เปลี่ยนเป็นเอ่ยว่า “สองวันนี้ข้าน้อยไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ไม่พบเจอใครทั้งนั้น”