คนพวกนั้นแต่ละคนเคารพนบนอบเขา มักจะทำหน้าเลื่อมใสศรัทธาเขาราวกับเขาเป็นเทพมาจากที่ใด ที่ทำให้นางรับไม่ได้มากที่สุดคือทุกคนล้วนชอบเขาอย่างจริงจังและจริงใจ อีกทั้งยังเคารพนับถือคุณชายสกุลซ่งผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง
พวกเขาเรียกเขาว่าคุณชายซ่ง จอมยุทธ์ซ่ง บ้างก็เรียกเขาว่าท่านหมอซ่ง
ยามอยู่ต่อหน้าคนอื่นเขามักจะทำท่าเกรงใจมีมารยาท สุภาพอ่อนโยน แต่ทุกครั้งเวลาเขาอุ้มนางเข้าออก นางมักได้ยินความคิดในใจของเขาอย่างชัดเจน
เวลาผู้คนพูดกับเขา แม้ปากเขาจะรับคำ แต่ในใจกลับไม่ได้ฟังเลยสักนิด เรื่องที่คิดไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่คุยอยู่แม้แต่น้อย โดยทั่วไปมักจะคิดว่าประเดี๋ยวจะได้กินของขึ้นชื่ออะไรของที่นี่ แต่เนื่องจากเขามีใบหน้าหล่อเหลาคมคาย เบื้องหลังยังมีคนคอยสนับสนุน ไม่ว่าเรื่องใดแค่ยิ้มน้อยๆ ก็สามารถจัดการได้ทั้งหมด คนพวกนั้นไม่ถือสาจริงๆ ที่เขาไร้มารยาทเช่นนี้
พักผ่อนอยู่หลายวันอาการของนางก็ดีขึ้น เดิมทีคิดว่าตอนเข้าพักโรงเตี๊ยมจะฉวยโอกาสหลอกล่อคนให้ช่วยพานางหนีได้ มนุษย์โลภมากและโง่มาก นางรู้ว่าจะโน้มน้าวให้ผู้คนทำในสิ่งที่ตนต้องการอย่างไร
ใครจะไปรู้ว่านับแต่วันนั้นเป็นต้นมา คนแซ่ซ่งจะไม่ปล่อยให้นางคลาดสายตาอีกเลย
เวลามีคนอยู่ เขาจะใช้เข็มเงินควบคุมนางไว้ ใช้หมวกพรางหน้าปิดคลุมศีรษะและใบหน้านาง ทำให้ผู้คนคิดว่านางป่วยหนักและสลบไสลไม่ได้สติ
ที่ทำให้นางหงุดหงิดและโมโหคือตลอดการเดินทางไม่เคยมีใครสงสัยสักนิด
สองคนเป็นบุรุษสตรีแต่กลับอยู่ในรถคันเดียวกัน นอนเตียงเดียวกัน กลับไม่เคยมีใครถามเขาว่านางเป็นใคร มาจากที่ใด
คนของหอหงส์เหล่านี้ล้วนคิดว่าเขาเป็นคนดีที่หาไม่ได้อีกแล้วในโลก เป็นพระโพธิสัตว์บนโลกมนุษย์ที่ร้อยปีจะพบเจอสักครั้ง ปักใจเชื่อว่าที่นางอยู่บนรถเขาแสดงว่าต้องการความช่วยเหลือจากเขาแน่นอน ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะลักพาตัวหญิงสาวคนหนึ่ง
เกรงว่าต่อให้เขาผายลมต่อหน้าคนพวกนี้ พวกเขาก็ยังชมว่ามีกลิ่นหอม
สิบวันผ่านไป คนผู้นี้เดินทางอย่างราบรื่นไร้อุปสรรค ลักพาตัวนางเดินทางผ่านพื้นที่กว่าครึ่งของเจียงหนาน จวบจนยามสนธยาของวันหนึ่งนางได้ยินเสียงคลื่นจึงมองออกไปข้างนอก เห็นผืนน้ำกว้างใหญ่ไพศาลแล้วจึงตระหนักว่าตนถูกเขาพามาถึงทะเลสาบต้งถิง
สองวันก่อนตอนผ่านถนนสายหลักที่มุ่งสู่เมืองเยวี่ยโจว นางคิดว่าเขาจะเข้าเมือง นางเคยคิดอย่างจริงจังว่าจะตะโกนขอความช่วยเหลือบนทางสายหลักที่มีผู้คนสัญจรไปมา แต่ครั้งก่อนตอนนางทำเช่นนั้นก็ถูกเขาผนึกเสียงนางไว้สามวันอย่างไม่เกรงใจ
แต่นั่นคือเมืองเยวี่ยโจวที่มีผู้ว่าการประจำการอยู่เชียวนะ หาใช่เมืองเล็กๆ ท่ามกลางฝูงชนมากมายเช่นนี้จะต้องมียอดฝีมือในยุทธภพหรือทหารของทางการที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านอยู่บ้างสิ ถึงอย่างไรนางก็ต้องลองดู แต่เขาไม่ได้เข้าเมือง กลับหักเลี้ยวมุ่งหน้าลงใต้ไปตามเส้นทางริมทะเลสาบต้งถิง
น่าโมโหนัก!
นางลอบสบถในใจ ทว่าไม่ได้ละความพยายามเพราะเหตุนี้ แต่เส้นทางนี้ไม่ใช่ทางหลัก แน่นอนว่าคนย่อมน้อยลงเรื่อยๆ
ลาลากรถไปอย่างยอมรับชะตากรรม ก้าวเท้าเดินต่อไป
ดวงอาทิตย์ยามสายัณห์จมลงไปในทะเลสาบ จันทร์กระจ่างลอยพ้นภูเขา จากนั้นตกลงบนผิวทะเลสาบช้าๆ
ขณะที่นางคิดว่าบุรุษข้างหน้าตายไปแล้วถึงไม่ยอมหยุดรถเสียที เขาก็รั้งเชือกบังเหียนในที่สุด สั่งให้ลาหยุดเดิน
ชายหนุ่มหันกลับมาเลิกม่านประตู นางหลับตาแกล้งนอนอย่างรวดเร็ว อยากฉวยโอกาสตอนเขาไม่ระวังหลบหนี ทว่าชั่วอึดใจต่อมาความเย็นพลันจู่โจมเข้ามา เขาใช้ผ้าห่มสักหลาดห่อตัวนางและอุ้มนางออกจากรถ
ข้างนอกมืดสนิท นางขยับตัวไม่ได้ ตอนแอบลืมตาสำรวจดูเห็นเพียงจันทร์กระจ่างที่มองเห็นจากหน้าต่างรถก่อนหน้านี้ถูกหมอกสีขาวบดบังไปแล้ว รอบด้านเต็มไปด้วยหมอก มองไม่เห็นแสงไฟ ทว่ายังคงได้ยินเสียงน้ำไหล
เขาอุ้มนางมุ่งหน้าไปยังเสียงคลื่น นางมองเห็นไม่ชัด แม้จะอุ้มนางอยู่ แต่เวลาเขาเดินยังคงเงียบกริบไร้เสียง จากนั้นอึดใจต่อมาเขาก็ทรุดลงไปทั้งตัว โคลงเล็กน้อย ทำเอานางสะดุ้ง รู้สึกลนลาน
หลังจากนั้นเมื่อเขาวางนางลง นางจึงพบว่าตัวเองอยู่ในเรือเล็กลำหนึ่ง
เรือโคลงไปมาในน้ำ ทำให้นางว้าวุ่นใจกว่าเดิม
เขาหยิบไม้ถ่อที่อยู่ท้ายเรือขึ้นมา ดันไม้พาให้เรือลำน้อยออกจากฝั่ง
นางแหงนหน้ามองเขา แต่ท่ามกลางสายหมอกตอนกลางคืน แม้แต่ใบหน้าเขานางยังเห็นไม่ชัดด้วยซ้ำ
เสียงน้ำไหลผ่านข้างกายไปอย่างแผ่วเบา
คนแซ่ซ่งถ่อเรืออย่างสบายอารมณ์ ปล่อยให้เรือลำน้อยล่องไปบนทะเลสาบ หมอกสีขาวรอบด้านทำให้นางแยกแยะทิศทางไม่ได้ แต่เห็นได้ชัดว่านั่นไม่เป็นปัญหาสำหรับเขาเลย
เวลาและมิติเหมือนหยุดชะงักอยู่ตรงนี้ ทำให้นางอดกลั้นหายใจไม่ได้