เขายิ้มอีก ถามว่า “แม่นางเรียกข้ามีอะไรหรือ”
ได้ยินดังนั้นสีหน้าเย็นชาของนางจึงดีขึ้นหน่อย ชี้สองขาของตัวเองที่ขยับไม่ได้ “ข้าหาใช่คนโง่ ข้าไม่มีทางทำร้ายหญิงผู้นั้นอีกแล้ว ในเมื่อเจ้าให้ข้าสวมประคำบัดซบนี่ไว้ เจ้าถอนเข็มเงินออกไปได้หรือไม่ มันทำให้ข้าไม่สบายตัวมาก”
หลายวันมานี้เขายังคงใช้เข็มเงินควบคุมการเคลื่อนไหวร่างกายท่อนล่างของนาง
“หญิงผู้นั้นชื่อไป๋ลู่”
นางจ้องเขา จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเอ่ยว่า “ข้าจะไม่ทำร้ายไป๋ลู่อีก ข้ารู้ว่าของกินของใช้ที่นี่ล้วนต้องพึ่งนางนำมาส่งให้ ข้าไม่ได้โง่ถึงเพียงนั้น”
ซ่งอิ้งเทียนฟังแล้วยิ้มน้อยๆ “เจ้าพูดก็ถูก จะให้ข้าถอนเข็มออกใช่ว่าจะไม่ได้ แต่เจ้าต้องตอบคำถามข้าข้อหนึ่งก่อน”
นางหรี่ตา ข่มโทสะเอ่ยว่า “ข้าตอบแล้วเจ้าจะถอนเข็ม?”
“ข้าสาบานด้วยหลุมศพของอาจารย์ปู่ข้าเลย” เขาชูมือขวาขึ้นพลางยิ้มตอบ
นางฟังแล้วจึงเอ่ยปากเสียงเย็น “ถามมาสิ”
เขาถือพู่กันจ้องมองนาง เอ่ยปากถามว่า “เจ้าชื่ออะไร”
ถ่านในเตาฝังพื้นค่อยๆ กระจายความร้อนออกมา
นางมองเขาอย่างเย็นชา ริมฝีปากแดงปิดสนิท ไม่เผยอออกแม้แต่น้อย
เขาอมยิ้ม จ้องนางตาไม่กะพริบ
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใด เหมือนตระหนักว่าถ้านางไม่ตอบ เขาจะไม่ถอนเข็มให้ นางจึงเป็นฝ่ายถอยในที่สุดและเอ่ยปาก
“อาหลิง” นางจ้องเขาเขม็ง “ข้าชื่ออาหลิง”
“เขียนอย่างไร”
“สามหยดน้ำ สายฝน และคำสั่ง”
ซ่งอิ้งเทียนไม่รู้ว่านั่นเป็นเรื่องจริงหรือคำโกหก ทว่าเวลานี้เท่านี้ก็พอแล้ว เขาวางพู่กัน ลุกขึ้นเดินมานั่งยองข้างกายนาง ช่วยถอนเข็มเงินที่จำกัดการเคลื่อนไหวของนางไว้
ชั่วขณะหนึ่งเขาคิดจริงๆ ว่านางจะฉวยโอกาสนี้โจมตีเขา ซ่งอิ้งเทียนกลั้นหายใจเตรียมพร้อมไว้แล้ว