แต่สารเลวผู้นี้ไม่ได้ตระหนักแม้แต่น้อยว่านางไม่อยากฟัง เพียงอ่านตำราอย่างเกียจคร้านและพูดไปด้วย ‘นั่นเป็นเพราะว่าในอดีตเกาะนี้เป็นของท่านตาข้า ท่านตาข้าอยู่ในยุทธภพมีฉายาด้วยนะ ผู้คนเรียกขานเขาว่าหมอปีศาจ ผู้คนต่างว่าพญายมต้องการให้คนตายยามสาม หมอปีศาจยื้อวิญญาณไว้ได้จวบจนเช้า ใต้หล้านี้มีเพียงหมอปีศาจที่สามารถทำให้คนฟื้นคืนชีพได้แม้จะอยู่ในเงื้อมมือพญายมแล้ว แน่นอน ข่าวลือส่วนใหญ่ล้วนกล่าวเกินจริง แต่ท่านตาข้าแม้มิอาจแย่งชีวิตคนกับพญายมได้ ทว่าเขาคบค้าสมาคมอยู่กับผีปีศาจจริงๆ’ พูดพลางเงยหน้ามองนาง ยกมุมปากขึ้น ‘ค่ายกลลวงวิญญาณบนเกาะปีศาจแห่งนี้เป็นสิ่งที่เขาแลกเปลี่ยนมาจากยมทูต อย่าว่าแต่ผีปีศาจทั่วไปเลย ต่อให้เป็นเทวดาหรือเซียนก็เดินออกไปไม่ได้อยู่ดี อีกอย่าง ออกจากเกาะนี้แล้วมารปีศาจเหล่านั้นย่อมต้องมาหาเจ้า อยู่ที่นี่กับข้ามีกินมีใช้ เจ้ายังถือโอกาสนี้พักฟื้นได้ด้วย มิใช่เรื่องดีหรอกหรือ’
อาหลิงถลึงตาใส่เขาด้วยความโมโห ชายผู้นั้นกลับหลุบตาลง พลิกตำราในมือตัวเองและพูดต่อ
‘แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเหตุใดปีศาจเหล่านั้นต้องตามล่าเจ้า แต่ต่อสู้กันทั้งวี่ทั้งวันเจ้าไม่เหนื่อยบ้างหรือ จะว่าไปเจ้าคงมิใช่มนุษย์กึ่งสัตว์กระมัง ถ้าเป็นมนุษย์กึ่งสัตว์ แล้วเจ้าเป็นมนุษย์กึ่งสัตว์ประเภทใด จิ้งจอก? แมว? กวาง? หมูป่า? คงไม่ใช่หมาป่ากระมัง ได้ยินว่าหมาป่าเพศเมียดุร้ายมาก หา! หรือว่าเจ้าจะเป็นเสือ?’
พูดพลางเงยหน้ามองนางอย่างประหลาดใจ เห็นนางเอาแต่ถลึงตาไม่พูดจา จึงเลิกคิ้วถามหยั่งเชิงอีกครั้ง
‘หรือว่าเสือดาว? แมวป่า? ไม่ใช่กระมัง หรือจะเป็น…’ เขาทำสีหน้าตื่นตะลึง ขยับเข้าไปใกล้กว่าเดิม รูม่านตาสีดำเปล่งประกายขณะถาม ‘หมีหรือ’
อาหลิงโมโหจนควันออกเจ็ดทวาร ซ่งอิ้งเทียนกลับดีดนิ้ว ทำท่าเหมือนเข้าใจ พูดด้วยสีหน้าจริงจัง
‘ช้าก่อน ข้ารู้แล้ว เป็นหมีแมว!’ พูดพลางวาดวงกลมสองข้างรอบตาตัวเอง เอ่ยว่า ‘เจ้ารู้จักหรือไม่ สัตว์ที่มีเฉพาะแถบซื่อชวนน่ะ สองตามีวงกลมสีดำ ตัวอ้วนขนขาว มือเท้าล้วนเป็นสีดำ ขาทั้งสี่สั้นป้อม ตัวที่ชอบกินไม้ไผ่’
หมีแมว? หมีแมว?!
บอกว่านางเป็นหมูป่า หมี หมาป่า หรือเสือก็แล้วไปเถอะ แต่กลับบอกว่านางเป็นหมีแมว?!
ทั้งยังตัวอ้วนขนขาว? ขาทั้งสี่สั้นป้อม?
นางตัวอ้วนขนขาวตรงที่ใด ขาทั้งสี่สั้นป้อมตรงที่ใด
ตั้งแต่หัวจรดเท้านางมีส่วนใดที่เหมือนกับเจ้าสัตว์อ้วนนิ่มเกียจคร้านเช่นนั้นบ้าง
เหมือนตรงที่ใดบ้าง?!
อาหลิงโมโหจนเหลือกตาไม่หยุด อยากจะคำรามใส่เขาเหลือเกิน ถ้าสายตาสามารถฆ่าคนได้ เขาคงตายไปแปดร้อยรอบแล้ว จากนั้นคนโง่งมผู้นี้ถึงได้ตระหนัก
‘อา ขออภัย ลืมไปว่าข้าผนึกจุดใบ้ของเจ้าไว้ เจ้าพูดไม่ได้ ข้าก็ว่าอยู่ไยเจ้าถึงไม่ตอบ’ พูดพลางยื่นนิ้วมือออกไปหานาง
นางมองเขา ร้อนใจจะเอ่ยปาก สองนิ้วของเขาสัมผัสผิวกายนางทว่ากลับชะงักทันใด ก่อนจะหดมือกลับไป
‘เฮ้อ ช่างเถอะ’ เขามองนางและยิ้มพูด ‘ถ้าข้าคลายจุดชีพจรให้เจ้า แปดส่วนเจ้าคงส่งเสียงจนลำคอบาดเจ็บ เจ้าวางเพลิงเผาป่าจนสำลักควันดำเข้าไป เสียงยังแหบอยู่เลย ข้าให้เจ้าพักผ่อนอีกสองสามวันค่อยว่ากันอีกทีดีกว่า’
เขาจงใจชัดๆ!