ทว่าหลับตาลงแล้ว เขากลับเห็นนัยน์ตาแดงก่ำที่หลั่งน้ำตาสีเลือดของนางคู่นั้น มองเห็นความตระหนกหวาดหวั่นที่นางเก็บซ่อนอย่างไรก็ไม่มิด รู้สึกเพียงนางสั่นระริกอยู่ในอ้อมกอดเขาไม่หยุด รู้สึกถึงน้ำตาร้อนระอุของนางที่หยดลงบนไหล่เขา
ดังนั้นเขาจึงพานางกลับมา
ถึงได้พานางกลับมา
ใครจะไปคิดว่านางจะเป็นแม่มดพันปีแห่งหอคอยขาวใน ‘บันทึกเรื่องพิสดารมารปีศาจ’
ต่อจากนี้ควรทำอย่างไร บอกตามตรง เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้เพียงว่าตนมิอาจปล่อยนางไปเช่นนี้ได้ มิอาจปล่อยให้นางใช้ชีวิตอย่างอกสั่นขวัญผวาท่ามกลางการไล่ล่าของมารปีศาจ
เรื่องนี้หากเกี่ยวพันกับนางคนเดียวก็ช่างเถอะ แต่จากเหตุการณ์ในหมู่บ้านวันนั้น เวลามารปีศาจเหล่านั้นไล่ล่านาง พวกมันไม่สนใจว่าจะเปิดเผยร่องรอยแม้แต่น้อย หลายปีมานี้ผู้บริสุทธิ์ที่พลอยเดือดร้อนเพราะนางไปด้วยเกรงว่าคงนับไม่หมดแน่ๆ
ขบคิดใคร่ครวญดูแล้ว เขายังคงได้แต่รั้งนางให้อยู่เป็นแขกบนเกาะปีศาจต่อไป
ฤดูหนาวผ่านไป ฤดูใบไม้ผลิมาเยือน นกอพยพบินจากไปและบินกลับมา
ดอกไม้ผลิบานและร่วงโรย สี่ฤดูหมุนเวียนเปลี่ยนผ่าน ฤดูกาลแล้วฤดูกาลเล่า
วันเวลาผ่านพ้นไปทีละวัน อาหลิงอดทนรับมือกับชายผู้นั้น นานวันเข้าก็รู้ว่าขีดจำกัดของเขาอยู่ตรงที่ใด
เขาไม่ให้นางออกจากเกาะ ไม่ให้นางทำร้ายคน ถ้านางไม่ทำร้ายคน เขาก็จะไม่ใช้เข็มเงินกับนาง ถ้านางอยากอ่านตำราของเขา เขาไม่เคยห้าม ถ้านางอยากกินอะไร เพียงบอกกับไป๋ลู่ ไม่กี่วันอาหารและของหวานพวกนั้นจะปรากฏบนโต๊ะ
อาหาร เสื้อผ้า และเครื่องใช้ของเขาล้วนได้ไป๋ลู่เป็นคนจัดการ ทั้งหมดล้วนเป็นของชั้นดี ไม่ว่าเขาจะใช้อะไรล้วนบอกให้ไป๋ลู่มอบของแบบเดียวกันให้นางอีกชุด
บนเกาะไม่ค่อยมีคนมาเยือน เขาเองก็ไม่ค่อยได้ออกไป แต่ละวันหากไม่อ่านตำราเขียนจดหมายก็จะนอน บางครั้งจะชงชาและเดินหมากกับซูเสี่ยวเม่ยที่มาที่เกาะ
นางเดินหมากกับเขาหลายครั้ง แต่แทบไม่เคยชนะจริงๆ เลยสักครา ทุกครั้งที่นางชนะล้วนเป็นเพราะเขาอ่อนเพลียเกินไป ทำให้นางอดโกงไม่ได้ เขาจับได้ก็ไม่เปิดโปง เพียงยิ้มและเดินหมากกับนางต่อ สิบครั้งมีแปดครั้งที่เขายังสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายชนะได้
ซูเสี่ยวเม่ยยิ่งน่ารังเกียจ มักจะโจมตีนางจนพ่ายแพ้ราบคาบ ทำเอานางต้องคว่ำโต๊ะใส่อีกฝ่ายทุกครั้งไป
ชีวิตบนเกาะน่าเบื่อยิ่ง ทำให้นางหงุดหงิดอย่างไร้สาเหตุ
ชั้นหนังสือในห้องเขาเต็มไปด้วยตำราเรียงราย ส่วนใหญ่ล้วนเป็นตำราแพทย์ ยังมีคัมภีร์อี้จิงและปากว้า ตลอดจนตำราพิสดารเกี่ยวกับฉีเหมินตุ้นจย่าด้วย เขาไม่เคยห้ามไม่ให้นางหยิบมาอ่าน แต่ตำราพวกนั้นนางอ่านมาหมดแล้ว กลับไม่เห็นจะได้ประโยชน์อะไร
ส่วนกระบี่ปราบปีศาจเล่มนั้นของเขา นางแทบจะไม่เคยเห็นเขาใช้มันอีก หากไม่เพราะละโมบคิดว่าจะสามารถขโมยวิชาปราบปีศาจมาจากเขาได้บ้าง นางคงฉวยโอกาสตอนเขาหลับฆ่าเขาให้ตายไปนานแล้ว
เหมือนเช่นวันนี้ เขาเดินหมากกับนางอยู่ แต่แล้วกลับเท้าคางหลับไปเสียอย่างนั้น
ไม่ต้องดูถูกข้าถึงเพียงนี้ก็ได้กระมัง
อาหลิงจ้องกระดานหมากที่ถึงทางตันบนโต๊ะอย่างขุ่นแค้น ถลึงตาใส่บุรุษที่หลับเป็นตายคนนั้นอย่างโมโห ขโมยหมากมาหนึ่งตัว ขยับอีกสองตัว เปลี่ยนทางตันให้เป็นทางรอด แต่ก็ยังคงหงุดหงิดอยู่ดี
เห็นเขาหลับสบายเพียงนี้ นางก็อดใจไม่อยู่ยื่นมือออกไปหมายจะบีบคอเขาให้รู้แล้วรู้รอด
ทว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาสอนอะไรนางไม่น้อยจริงๆ
ไม่พูดถึงเรื่องที่ว่าตั้งแต่มาอยู่บนเกาะนางไม่เคยถูกปีศาจพวกนั้นรบกวนอีก แต่เขายังรู้จุดอ่อนจุดตายของปีศาจชนิดต่างๆ อย่างละเอียด ปีศาจอะไรชอบอยู่ที่ใด ชอบอะไร กลัวอะไร จะรับมืออย่างไร เขาล้วนกระจ่างแจ้งเป็นอย่างดี
หลายปีมานี้ใช่ว่านางไม่เคยรวบรวมจุดอ่อนของศัตรู แต่ใต้หล้านี้มีปีศาจมากมายเพียงใด ปีศาจพวกนั้นซุกซ่อนจุดอ่อนของตัวเองยังแทบไม่ทัน แล้วจะเปิดเผยจุดตายของตัวเองออกมาง่ายๆ ได้อย่างไร นางรู้บางส่วน แต่ยังมีอีกมากที่รู้แค่งูๆ ปลาๆ ที่มากกว่านั้นคือสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลย
นางเคยพยายามศึกษาบุคคลและเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง ถึงขั้นปล้นยันต์คาถามาจากภิกษุและนักพรตบางคน แต่ไม่เคยเห็นวิชาของใครมีประโยชน์เท่าเขามาก่อน
ถ้านางเอาชนะเขาบนกระดานหมากได้ เขาจะวาดภาพแผ่นหนึ่งให้นาง บนนั้นไม่เพียงมีภาพรูปลักษณ์ภายนอกของปีศาจ ยังบันทึกข้อมูลของปีศาจตนนั้นไว้อย่างละเอียด
นางเคยคิดที่จะอ่านใจเขาตรงๆ แต่ชายผู้นี้ความรู้กว้างขวาง ปณิธานแน่วแน่แข็งแกร่ง เวลาที่เขาไม่อยากให้นางเห็น ยังสามารถสร้างเขาวงกตในหัวของตัวเองได้จริงๆ ทำให้นางเหมือนจะมองเห็นทุกอย่าง แต่กลับไม่เห็นสิ่งที่อยากจะเห็น
จะว่าไปแล้วนั่นล้วนเป็นช่วงที่เขาตื่นอยู่ จิตใจมีการระวังป้องกัน แต่ตอนนี้เขาหลับไปแล้ว
ความตระหนักรู้นี้ทำให้อาหลิงสะดุ้งในใจ
ก่อนหน้านี้เขาระวังนางมาก นางไม่เคยมีโอกาสลองอ่านใจตอนเขาหลับเลย
เวลานี้มิใช่โอกาสอันดีหรอกหรือ
มองใบหน้าของชายหนุ่มที่เท้าคางหลับสนิท อาหลิงยื่นมือเล็กออกไปข้ามโต๊ะ ก่อนจะทาบลงบนมือขวาของเขาที่วางอยู่บนโต๊ะ