ตอนฟ้าใกล้สว่าง ถานไถจิ้นไข้ลดในที่สุด
เด็กหนุ่มยังคงหลับตา แต่ตัวไม่สั่นแล้ว
หลีซูซูโยนแถบผ้ากับหิมะที่ละลายแล้วทิ้งไป หอบผ้าห่มของตนเอง หัวทิ่มลงบนเตียง
ง่วงเหลือเกิน
ยามท้องนภาปรากฏสีขาวท้องปลา ชุนเถาเลิกม่านโปร่ง ปรนนิบัติหลีซูซูตื่นนอน
บรรดาสาวใช้ขยาดงานนี้เป็นที่สุด คุณหนูสามอารมณ์ฉุนเฉียว มีครั้งหนึ่งสาวใช้ที่ปลุกนางจากเตียงถึงขั้นถูกโบยสามสิบไม้
ชุนเถาอายุน้อย ทั้งยังเป็นเด็กซื่อ จึงมักถูกผลักให้มารับหน้าที่นี้เสมอ
นางกล้าๆ กลัวๆ ร้องเรียกคุณหนูสามหนหนึ่ง หัวใจก็แขวนเติ่ง…
เด็กสาวลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างสะลึมสะลือ ชุนเถารีบสวมเสื้อผ้าให้นาง
หลีซูซูขยี้ตาพลางหาว ศีรษะถึงขั้นมีผมปอยเล็กปอยหนึ่งชี้เด่ขึ้นมา
ชุนเถาเหลือบตามองแวบหนึ่งอย่างเร็วรี่ นางเพิ่งตระหนักเป็นครั้งแรกว่าที่แท้รูปโฉมของคุณหนูสามอ่อนโยนน่ารักถึงเพียงนี้
ในใจชุนเถารู้สึกขบขันอยู่บ้างอย่างไร้สาเหตุ พลอยทำให้ความหวาดกลัวในใจสลายไปไม่น้อย
ตลอดขั้นตอนปรนนิบัติทั้งหมด คุณหนูสามไม่ได้ด่านางแม้แต่คำเดียว
หลีซูซูอดนอนครึ่งคืน ยามนี้ถูกปลุกให้ตื่นแต่เช้า นางมองลงไปด้านล่างเตียง ไม่เห็นเงาของถานไถจิ้นแล้ว ไม่รู้เขาจากไปตั้งแต่เมื่อใด
สาวใช้สี่สี่รออยู่ข้างนอก ย่อกายเอ่ยว่า “ท่านแม่ทัพกับฮูหยินผู้เฒ่ากำลังรอคุณหนูสามไปกินอาหารด้วยกันเจ้าค่ะ”
หลีซูซูพยักหน้า
บนโต๊ะอาหารเช้าสกุลเยี่ย หลีซูซูมองซ้ายมองขวา ถานไถจิ้นไม่อยู่ที่นี่ นางคิดว่าต้องคอยจับตาดูสิ่งชั่วร้ายไว้ จึงถามชุนเถาเสียงค่อย
ชุนเถาตอบ “คุณหนูลืมไปแล้วหรือ ท่านไม่อนุญาตให้จื้อจื่อร่วมโต๊ะกับท่าน สั่งให้เขากินอาหารร่วมกับพวกบ่าวในห้องบ่าวไพร่”
หลีซูซูกะพริบตาปริบๆ เอาเถอะ เยี่ยม ร้ายกาจยิ่งนัก
หลีซูซูลอบพิจารณาสมาชิกแต่ละคนของสกุลเยี่ยซึ่งเป็นครอบครัวใหญ่
ฮูหยินผู้เฒ่านั่งตำแหน่งประธาน บุรุษท่าทางเคร่งขรึมองอาจข้างกายคือแม่ทัพใหญ่เยี่ย เยี่ยเซี่ยว
ปีนี้เยี่ยเซี่ยวอายุสามสิบแปดปี ไว้หนวดเครา มองดูแล้วจึงยิ่งขึงขังเข้มงวด หลังจากภรรยาเอกตายไป ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาล้วนมิได้แต่งภรรยาใหม่
กล่าวด้วยคำพูดของเยี่ยเซี่ยว คนที่ทำศึกในสมรภูมิ ศีรษะล้วนแขวนอยู่ที่เอวกางเกง ไม่แน่ว่าวันใดจะต้องใช้หนังอาชาห่อศพ* ไม่มีความจำเป็นต้องแต่งภรรยาเอกอีก เช่นนั้นจะทำให้นางหวาดวิตกเปล่าๆ
เยี่ยเซี่ยวกล่าววาจาได้น่าฟังทีเดียว ทว่าเขากลับมีอนุภรรยาถึงสามคน
สายตาของหลีซูซูกวาดมองใบหน้าของอี๋เหนียง* ทั้งสามคน เป็นสามแบบที่ไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง แต่ละคนต่างมีเอกลักษณ์ของตนเอง
ในจวนมีคุณชายทั้งหมดสี่คนกับคุณหนูสามคน
นอกจากหลีซูซูที่เป็นทายาทสายตรงเพียงคนเดียว พี่น้องคนอื่นๆ ล้วนเกิดจากอนุทั้งสิ้น
คุณชายรองมารดาประสบเหตุไม่คาดฝัน ฐานะจึงกระอักกระอ่วนที่สุด
คุณชายใหญ่กับคุณชายสามเกิดจากเหลียนอี๋เหนียง เหลียนอี๋เหนียงเป็นสาวใช้ห้องข้าง* ของเยี่ยเซี่ยวในวัยเยาว์ อายุยังมากกว่าเยี่ยเซี่ยวสองปี รูปโฉมธรรมดา แต่เนื่องจากให้กำเนิดบุตรชายคนโต ฐานะของนางในจวนจึงสูงมาก ปกติฮูหยินผู้เฒ่าจะให้นางช่วยดูแลจัดการงานกิจภายในจวน
ตู้อี๋เหนียงหางตาเฉียงขึ้น เนตรขนงเจือแววไม่ถือตัวของผู้ที่มาจากตระกูลเล็ก นางเป็นมารดาของคุณหนูรองเยี่ยหลันอิน ในจวนนับว่านางแต่งตัวฉูดฉาดมากที่สุด ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ชอบนางมากที่สุด
ส่วนคนสุดท้าย หลีซูซูมองไป เป็นอวิ๋นอี๋เหนียง เทียบกับอี๋เหนียงสองคนก่อนหน้า นางดูเรียบร้อยนุ่มนวล บนศีรษะประดับปิ่นเรียบง่ายอันหนึ่ง คนประหนึ่งปทุมมาที่โผล่พ้นน้ำ ท่วงทีแฝงลักษณะที่ยากจะบรรยายเป็นคำพูดได้
อาศัยเพียงบุคลิกเช่นนี้ ก็เหนือล้ำกว่าอี๋เหนียงอีกสองคนหลายขั้นแล้ว
นางคือมารดาของเยี่ยปิงฉางและคุณชายสี่ เป็นที่รักใคร่ของแม่ทัพใหญ่เยี่ยมากที่สุด
แม้ว่าหลีซูซูจะยังไม่เคยพบเยี่ยปิงฉาง แต่เห็นอวิ๋นอี๋เหนียงก็พอจะเดาได้ว่าเยี่ยปิงฉางเป็นคนงามผู้หนึ่ง
สมาชิกในครอบครัวใหญ่นั่งลงจนเต็มโต๊ะ
หลีซูซูอดรู้สึกดูแคลนแม่ทัพใหญ่เยี่ยอยู่บ้างมิได้ ในโลกบำเพ็ญเพียรของพวกนาง ไม่มีการรับอนุเช่นนี้ มีแต่คู่บำเพ็ญเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
มารดาบังเกิดเกล้าของหลีซูซูตายไปร้อยปีแล้ว บิดายังคงเช็ดกู่ตี๋* ของมารดาทุกวัน บางครั้งยังเช็ดไปปาดน้ำตาไปด้วย
แน่นอนว่ามีธรรมเนียมปฏิบัติที่ไม่ดีนักอยู่บ้างเช่นกัน เป็นต้นว่าเพาะเลี้ยงกระถางยา* แต่เรื่องพรรค์นี้ผู้คนกล้าทำเพียงลับหลังเท่านั้น พูดออกมาย่อมเป็นเรื่องต่ำช้าน่าละอาย
มนุษย์ยังแข็งแกร่งมิเท่าผู้บำเพ็ญเพียรด้วยซ้ำ กลับมีสามภรรยาสี่อนุ
“คุณหนูสามเป็นอะไรไป อาการป่วยยังไม่หายดีหรือ ใบหน้าจึงขาวซีดปานนี้” พออวิ๋นอี๋เหนียงเอ่ยถามด้วยสุ้มเสียงอ่อนโยน ทุกคนต่างหันมามองหลีซูซู
หลีซูซูวางตะเกียบ เมื่อคืนนางไม่ได้นอนตั้งครึ่งคืน สีหน้าจะดีได้ถึงขั้นใดเล่า แต่เรื่องนี้ย่อมมิอาจเอ่ยออกมาได้