อวิ๋นอี๋เหนียงไม่ขานชื่อหลีซูซูยังพอทำเนา พอเอ่ยถึงหลีซูซู เยี่ยเซี่ยวก็วางตะเกียบ ปรายตามองหลีซูซูอย่างไม่พอใจ “งานเลี้ยงในวังครั้งก่อน เรื่องระหว่างเจ้ากับพี่หญิงใหญ่ของเจ้าแพร่ไปถึงพระกรรณของไทเฮาแล้ว ไทเฮามีรับสั่งให้เจ้าเข้าวังวันนี้”
หลีซูซูกลืนบัวลอยในปากลงไปพลางลอบถอนหายใจเฮือกหนึ่ง
เรื่องนี้มิใช่ฝีมือนาง ทว่าบัดนี้กลับต้องให้นางรับผิดชอบทั้งหมด
คนนั่งอยู่ในบ้าน หม้อร่วงตกลงมาจากท้องฟ้า*
ฮูหยินผู้เฒ่าทนเห็นแก้วตาดวงใจของตนลำบากมิได้ จึงพูดขึ้นทันที “เซี่ยวเอ๋อร์ ซีอู้ยังเล็ก ครั้งก่อนพี่น้องเกิดความขัดแย้งกัน คงเป็นความเข้าใจผิดเสียมากกว่า อีกอย่างยายหนูใหญ่คงไม่ถึงขั้นถือสาซีอู้หรอก เจ้าว่าจริงหรือไม่อวิ๋นอี๋เหนียง”
อวิ๋นอี๋เหนียงยิ้มตอบ “เจ้าค่ะ”
หลีซูซูมองเห็นแววฝืนใจหลายส่วนในรอยยิ้มนั้น ก็ไม่แปลก บุตรสาวของตนได้รับความไม่เป็นธรรม ยังต้องยิ้มอภัยให้ตัวการ ในใจของอวิ๋นอี๋เหนียงต้องไม่รู้สึกดีแน่นอน
“ถึงเวลาเมื่อยายหนูสามเข้าวัง เจ้าคอยปกป้องนางมากหน่อยแล้วกัน”
เยี่ยเซี่ยวถอนหายใจ ไม่กล้าขัดมารดาผู้เฒ่า เพียงผงกศีรษะเอ่ย “ไทเฮาพระทัยกว้างขวาง ไม่ถือสาหาความกับเด็กๆ ซีอู้ทำตัวดีหน่อย เรื่องนี้ย่อมผ่านพ้นไปได้”
ฮูหยินผู้เฒ่าตบมือหลีซูซู เป็นการบอกนางว่าไม่ต้องกลัว
หลีซูซูฉีกยิ้มให้ฮูหยินผู้เฒ่าพลางพยักหน้า มีแม่ทัพใหญ่เยี่ยอยู่ อย่างน้อยไทเฮาก็ไม่ตำหนินางมากเกินไป
เจ้าของร่างเดิมมีย่าเช่นนี้ ช่างดีจริงๆ
หลังกินอาหารเสร็จ หลีซูซูขึ้นรถม้าเตรียมมุ่งหน้าเข้าวังหลวง สภาพจิตใจของนางจัดว่าไม่เลว มาใช้ร่างของเยี่ยซีอู้ ย่อมสมควรแก้ไขปัญหาให้เยี่ยซีอู้
ในเมื่อมาแล้วก็พึงอยู่ต่อไปอย่างสบายใจ รับมือไปตามสถานการณ์
หลีซูซูเตรียมใจให้พร้อมเป็นแพะรับผิด ไปรับบททดสอบครั้งนี้อย่างยอมรับชะตา
สาวใช้ผู้หนึ่งเดินเข้ามา ย่อกายเอ่ยว่า “ท่านแม่ทัพบอกว่าขอให้คุณหนูสามรอสักครู่เจ้าค่ะ”
รออะไร
ไม่นานหลีซูซูก็รู้คำตอบ
ผ่านไปครู่หนึ่ง ถานไถจิ้นเดินออกมาจากอีกด้านของจวน เด็กหนุ่มริมฝีปากขาวซีด ให้ความรู้สึกเหมือนคนป่วยที่อ่อนแอ
ทิศทางที่เขาเดินมา ตรงข้ามกับห้องโถงใหญ่ของจวนสกุลเยี่ย
หลีซูซูนึกถึงคำพูดของชุนเถา…ถานไถจิ้นกินอาหารในห้องบ่าวไพร่
หลีซูซูพยายามมองหาแววโกรธแค้นในดวงตาเขา ถึงอย่างไรเมื่อคืนตนก็เฆี่ยนเขาไปเช่นนั้น
ทว่าจวบจนเดินเข้ามาใกล้หลีซูซู สีหน้าของเขายังคงนิ่งสงบ
เขาเหลือบตาขึ้น สายตาหยุดอยู่บนดวงหน้าที่ขาวซีดไม่ต่างกันของนางนานขึ้นสองอึดใจ จากนั้นเบนสายตาออกไปอย่างเย็นชา
เอ๋? ไม่ใช่กระมัง ไม่ใช่แน่ๆ ไฉนบัดนี้คนผู้นี้จึงไม่แสร้งทำท่าต่ำต้อยขลาดกลัวแล้วเล่า!
* ดาวหายนะเดียวดาย เป็นความเชื่อพื้นบ้านของจีน ผู้ที่มีชะตาดาวหายนะเดียวดายจะถูกลิขิตให้ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายไปชั่วชีวิต ชะตานี้มิได้ส่งผลกระทบต่อเจ้าตัวมากนัก แต่กลับไม่เป็นผลดีต่อคนรอบข้าง
* ฟ้าดินไร้เมตตา เห็นสรรพสิ่งดังหนึ่งสุนัขฟาง มาจาก ‘คัมภีร์เต้าเต๋อจิง’ ของเหล่าจื่อ (เล่าจื๊อ) หมายถึงฟ้าดินปฏิบัติต่อสรรพสิ่งในโลกอย่างเฉยชาเหมือนเช่นปฏิบัติต่อสุนัขฟางที่ใช้เซ่นไหว้ คือไม่ดีต่อสิ่งใดเป็นพิเศษ และไม่แย่ต่อสิ่งใดเป็นพิเศษ
* หลิวหลี เป็นเครื่องแก้วโบราณชนิดหนึ่งของจีนที่ทำขึ้นจากฝีมือมนุษย์ด้วยกรรมวิธีอันซับซ้อน มีหลายสีและมีลักษณะใสแวววาว
* หนังอาชาห่อศพ หมายถึงตายในสนามรบ ทั้งยังอุปมาถึงการทำศึกอย่างห้าวหาญ
* อี๋เหนียง เป็นคำเรียกอนุภรรยา
* สาวใช้ห้องข้าง เป็นคำเรียกภรรยาบ่าวซึ่งไม่ได้รับการยกย่อง โดยมากรับไว้ก่อนรับอนุภรรยาหรือแต่งภรรยาเอก พักอยู่ในห้องด้านข้างที่ทะลุกับห้องนอนหลักของเจ้านาย เพื่อสะดวกในการปรนนิบัติตอนกลางคืน จึงเป็นที่มาของชื่อดังกล่าว
* กู่ตี๋ แปลตรงตัวว่าตี๋กระดูก ตี๋เป็นเครื่องดนตรีประเภทเป่าของจีน เป่าในแนวนอน กู่ตี๋เป็นตี๋ประเภทหนึ่งที่นิยมทางแถบทิเบต ทำจากกระดูกปีกของเหยี่ยว
* กระถางยา ใช้เปรียบเปรยถึงหญิงสาวที่ถูกนำมาบำรุงเลี้ยงดูด้วยยาล้ำค่าตั้งแต่เล็กให้มีพลังหยินที่แข็งแกร่ง เพื่อให้บุรุษที่ฝึกซวงซิว (การฝึกวิชาด้วยการสอดประสานหยินหยางระหว่างชายหญิง) ดูดพลังหยินนั้นไปใช้
* หม้อในที่นี้ มาจากหม้อดำ ในภาษาจีนหมายถึงการแบกรับความผิดในสิ่งที่ตนเองไม่ได้ก่อ วลีนี้หมายถึงเคราะห์ร้ายที่มาเยือนอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 30 ก.ย. 65 เวลา 12.00 น.