บทที่ 6
เพิ่งกลับถึงจวน ชุนเถาก็เห็นที่หน้าจวนแม่ทัพมีสาวใช้อายุราวยี่สิบปียืนอยู่นางหนึ่ง
สาวใช้ผู้นั้นมีใบหน้าทรงเมล็ดแตง คิ้วเล็มแต่งอย่างละเอียดประณีต
พอเห็นนางแล้ว ชุนเถาตกใจจนรีบก้มหน้าลง
สาวใช้คิ้วประณีตแค่นหัวเราะ เบียดชุนเถาออกไปและเดินเข้ามาแทนที่ “คุณหนู ปี้หลิ่วกลับมาแล้วเจ้าค่ะ ปี้หลิ่วประคองท่านลงจากรถเอง”
หลีซูซูเลิกม่านรถม้า เห็นดวงหน้าที่ไม่รู้จักดวงหนึ่ง
ครั้นได้ยินนางแทนตนเองว่า ‘ปี้หลิ่ว’ หลีซูซูเข้าใจทันทีว่านางเป็นใคร
เจ้าของร่างเดิมมีสาวใช้ประจำตัวสี่คน อิ๋นเชี่ยวถูกท่านย่าส่งไปออกเรือนที่หมู่บ้านเกษตรแล้ว ช่วงนี้สาวใช้ที่ติดตามข้างกายหลีซูซูคือชุนเถากับสี่สี่ แต่เด็กสองคนนี้ล้วนแต่ขวัญอ่อน ในสายตาของเจ้าของร่างเดิม ทึ่มทื่อเกินไปและโง่เขลายิ่งนัก เจ้าของร่างเดิมไม่ค่อยชอบพวกนางมาแต่ไหนแต่ไร
สาวใช้ที่เยี่ยซีอู้ชอบมากที่สุดก็คือสาวใช้ที่ชื่อ ‘ปี้หลิ่ว’ ตรงหน้าผู้นี้
ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม ปี้หลิ่วเฉลียวฉลาดมีไหวพริบ ทำงานว่องไว ปากก็หวาน เป็นที่ถูกใจของนางมาก
หลีซูซูเดาไม่ถูกว่าปี้หลิ่วเป็นคนอย่างไร ระหว่างครุ่นคิด ก็ถูกปี้หลิ่วประคองลงจากรถม้าอย่างระมัดระวังแล้ว
ชุนเถาที่ยืนอยู่ด้านข้าง เหมือนลูกนกกระทาเจอเสือก็มิปาน
ชุนเถากลัวปี้หลิ่ว?
พอมองสี่สี่ที่ก้มหน้าต่ำไม่ต่างกัน หลีซูซูก็เข้าใจแล้ว
ปี้หลิ่วผู้นี้เห็นทีฐานะข้างกายเจ้าของร่างเดิมจะไม่ธรรมดาจริงๆ ตอนหลีซูซูทะลุมิติมาใหม่ๆ ชุนเถาทำอะไรก็ตกใจจนโขกศีรษะ ทว่าปี้หลิ่วผู้นี้ยามอยู่ต่อหน้าหลีซูซูกลับไม่สำรวมตนแม้แต่น้อย
นายบ่าวพากันเดินเข้าไปในจวน ปี้หลิ่วพูดว่า “คุณหนูสาม ปี้หลิ่วมีเรื่องจะรายงานท่าน” สีหน้านางฉายแววตื่นเต้นเล็กน้อย
ปี้หลิ่วหันกลับไปสั่งชุนเถากับสี่สี่ “ข้าจะคุยกับคุณหนู พวกเจ้ามีงานอะไรก็ไปทำเถอะ”
หลีซูซูไม่แสดงอาการใดๆ นางอยากเห็นเหมือนกันว่าปี้หลิ่วผู้นี้จะทำอะไรกันแน่
ปี้หลิ่วพาหลีซูซูเดินเลี้ยวเข้าไปบริเวณภูเขาจำลองลูกหนึ่ง ล้วงหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ “คุณหนูสาม ท่านดูสิว่าปี้หลิ่วพบเจอสิ่งใด”
หลีซูซูคลี่กระดาษออก บนนั้นเป็นภาพคนงามที่วาดออกมาได้เหมือนมีชีวิตจริง คนงามนั่งอยู่ริมสระปทุมมา ก้มหน้ายิ้มจางๆ ดูเขินอายยิ่งนัก
ปี้หลิ่วสีหน้าตื่นเต้น ใบหน้าบ่งบอกว่ากำลังรอคำชม
หลีซูซูมองภาพวาดนี้อย่างงุนงงเล็กน้อย ตกลงนี่คือสิ่งใดกันแน่
“คุณหนู ท่านดูตรงจุดลงนาม”
จุดลงนามเขียนไว้ว่า ‘ผังอี๋จือ’
เขาเป็นบัณฑิตจ้วงหยวน รองเสนาบดีกรมพิธีการคนปัจจุบันผังอี๋จือ คนที่ครั้งก่อนกระโดดลงน้ำไปช่วยเยี่ยปิงฉางอย่างร้อนอกร้อนใจนั่นเอง
บัดนี้ดูแล้ว คนในภาพวาดเป็นใคร มิต้องเอ่ยก็กระจ่างแจ้ง
พูดตามตรง สมแล้วที่เขาเป็นจ้วงหยวนในการสอบขุนนางปีนี้ ทักษะการวาดภาพไม่เลวจริงๆ ตวัดพู่กันเพียงไม่กี่เส้น เสน่ห์ของเยี่ยปิงฉางก็สะท้อนออกมาไม่สิ้นสุด
ปี้หลิ่วกล่าว “คุณหนู ท่านให้บ่าวไปสืบดูที่หมู่บ้านเกษตรที่คุณหนูใหญ่พักรักษาตัวเมื่อสองปีก่อน พวกเขาคบชู้กันจริงๆ นางคนชั้นต่ำนั่น ก่อนแต่งงานกับองค์ชายหกก็ลอบคบหากับใต้เท้าผางอยู่ก่อนแล้ว
ใต้เท้าผางยังวาดภาพนี้เก็บไว้ ใช้ปลอบประโลมจิตใจยามคิดถึง
ก่อนเดินทางมาเมืองหลวง ใต้เท้าผางสั่งให้บ่าวชายเผาภาพวาดนี้เสีย แต่บ่าวชายรู้สึกเสียดายจึงแอบเก็บไว้ ปี้หลิ่วมิได้ทำให้คุณหนูผิดหวัง ซื้อภาพนี้กลับมาได้เจ้าค่ะ”
ปี้หลิ่วเอ่ยอย่างลิงโลด “คุณหนู องค์ชายหกเห็นภาพวาดนี้แล้ว จะต้องโมโหจนยากระงับและหย่านางคนชั้นต่ำนั่นแน่นอน ถึงเวลาเมื่อไม่มีนางคนชั้นต่ำนั่นแล้ว คนในสายตาขององค์ชายหกย่อมต้องเป็นคุณหนู!”
หลีซูซูอึ้งงัน “…” เจ้าจริงจังหรือนี่
หลีซูซูเข้าใจต้นสายปลายเหตุในที่สุด ก่อนหน้านี้เจ้าของร่างเดิมกับเยี่ยปิงฉางตกน้ำ องค์ชายหกในฐานะสามีของเยี่ยปิงฉางกระโดดน้ำลงไปช่วยเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แต่ใต้เท้าผางกระโดดลงไป กลับเป็นเรื่องที่น่าคิด
เจ้าของร่างเดิมสงสัยจุดนี้ จึงส่งปี้หลิ่วสาวใช้ที่ตน ‘ไว้ใจ’ มากที่สุดไปสืบเรื่องนี้ หวังว่าจะสืบพบหลักฐานการคบชู้ระหว่างใต้เท้าผางกับพี่สาวสายรอง จะได้ทำให้องค์ชายหกหย่ากับพี่สาวสายรองของตน
“จะให้ปี้หลิ่วหาคนส่งภาพวาดนี้ไปให้ถึงมือองค์ชายหกหรือไม่เจ้าคะ”
หลีซูซูเก็บภาพวาด “ตอนนี้ยังไม่ต้อง”
เจ้าของร่างเดิมแต่งงานแล้ว หลีซูซูไม่มีความคิดที่จะก่อกวนความสัมพันธ์ของเซียวหลิ่นแม้แต่น้อย อีกทั้งแค่ภาพวาดแผ่นเดียวเท่านั้น อย่างมากก็เป็นการบ่งบอกว่าผังอี๋จือชมชอบเยี่ยปิงฉาง เยี่ยปิงฉางถูกคนวาดภาพเก็บไว้ มิใช่ความผิดของนางสักหน่อย
ใบหน้าของปี้หลิ่วเต็มไปด้วยความเสียดาย แต่นางไม่กล้าขัดคำสั่งหลีซูซู คิดเพียงว่าคุณหนูอาจมีอุบายเหนือล้ำอะไรอีก
หลีซูซูเก็บภาพไว้อย่างดี เตรียมตัวหาเวลาเผาเจ้าสิ่งที่จะก่อปัญหานี้ทิ้งเสีย