จันทราอัสดง
ทดลองอ่าน จันทราอัสดง เล่ม 3 บทที่ 67-69
บทที่ 69
ผ่านพ้นเทศกาลบุปผาไป ข่าวเรื่องที่ฝ่าบาทจะเตรียมงานเถลิงราชย์ก็แพร่ไปทั่วแคว้นโจว
แคว้นโจวมีคนส่วนหนึ่งไม่ยอมรับเขา
ครั้งนั้นตอนถานไถหมิงหล่างขึ้นครองราชย์ เขาได้รับราชโองการสละบัลลังก์อย่างถูกต้อง ทว่าถานไถจิ้นฆ่าพี่ชายชิงบัลลังก์ไม่พอ ยังไม่ได้รับการยกย่องว่าเป็นฮ่องเต้ที่มีคุณธรรมในหมู่ราษฎรด้วยซ้ำ
เขาชอบทำสงคราม รักการเข่นฆ่าสังหาร ก่อนหน้านี้เพื่อตามหาองค์ชายแปด ทหารค้นหาไปทีละบ้าน ทำเอาราษฎรก่นด่าประณามไปทั่ว
แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่สนับสนุนเขา
ถึงอย่างไรก็เป็นเพราะถานไถจิ้น แคว้นซย่าจึงกลายเป็นแคว้นภายใต้อาณัติของแคว้นโจว ต้าโจวได้ลบล้างความอัปยศก่อนหน้านี้ หลุดพ้นจากการถูกกดขี่
ที่ผ่านมาถานไถจิ้นยังไม่จัดพิธีเถลิงราชย์สักที คิดไม่ถึงว่าเขาจะตัดสินใจจัดงานนี้อย่างปุบปับ
หลังจากขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการ รัชสมัยต้องเปลี่ยน นโยบายหลายอย่างก็ต้องเปลี่ยน สิ่งนี้หมายความว่าในอีกหลายปีข้างหน้า ถานไถจิ้นคงเลือกที่จะบริหารการเมืองภายในให้มั่นคง ไม่ก่อศึกสงครามไปทั่วอีก
ข้างนอกไม่รู้เรื่อง ในวังกลับมีข่าวลืออย่างหนึ่งแพร่ออกมา…
ในวันงานพิธี ฝ่าบาทจะแต่งตั้งฮองเฮาด้วยเช่นกัน
จนกระทั่งแพรต่วนมากมายเหลือคณาถูกส่งมายังตำหนักเฉิงเฉียน ทุกคนจึงตระหนักว่าข่าวลือมิใช่เพียงข่าวลือ…แต่เป็นเรื่องจริง
ทรราชน้อยจะแต่งตั้งฮองเฮาจริงๆ
ฮองเฮาคนใหม่ของพวกเขา หญิงสาวที่สวมอาภรณ์สีม่วงในตอนนี้ กำลังปักผ้าคลุมศีรษะอยู่ในวังเฝ่ยชุ่ย
หลังจากกลับเข้ามาในวัง หลีซูซูก็ย้ายออกจากตำหนักเฉิงเฉียน ถานไถจิ้นยังคงให้เนี่ยนมู่หนิงจับตาดูนางไว้ แต่กลับไม่ได้บังคับให้นางอยู่ในตำหนักเฉิงเฉียนอีก
เหล่าช่างปักชี้แนะด้วยท่าทีนอบน้อมและอดทน “แม่นาง รูปแบบการปักมิใช่เช่นนี้ ท่านปักเข็มลงไปเช่นนี้ อีกด้านของผ้าคลุมศีรษะย่อมไม่น่ามอง”
หลีซูซูไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้เลยจริงๆ นางพูด “ข้าทำไม่เป็น พวกเจ้าช่วยปักให้ข้าไม่ได้หรือ”
เหล่าช่างปักปิดปากหัวร่อ เห็นหลีซูซูทำหน้างุนงง จึงมีคนพูดว่า “แม่นางล้อเล่นแล้ว ธรรมเนียมต้าโจว สตรีที่ออกเรือนต้องปักผ้าคลุมศีรษะด้วยตนเอง ผ้าคลุมศีรษะที่ใส่ความตั้งใจของเจ้าสาวลงไปด้วย จึงจะคุ้มครองให้สองคนครองรักกันตราบชั่วนิรันดร์”
อีกคนเสริมว่า “อีกอย่าง ฝ่าบาททรงกำชับไว้แล้วว่าแม่นางต้องปักให้เสร็จด้วยตนเอง”
ชุดหงส์ไม่ต้องให้หลีซูซูลงมือเอง อีกสองเดือนจึงจะถึงวันงาน ในสถานการณ์ปกติการปักผ้าคลุมศีรษะย่อมทันแน่นอน
หลีซูซูละเหี่ยใจยิ่งนัก นางหยิบเข็มเงินขึ้นมา เรียนรู้วิธีปักผ้ากับช่างปักต่อ
โกวอวี้ปลอบโยน “อดทนหน่อย”
เขาแค่อยากให้ท่านปักผ้าคลุมศีรษะเท่านั้น ท่านกลับต้องการชีวิตเขา
ดังนั้นตอนกลางวันหลีซูซูจึงเรียนการเย็บปักจากเหล่าช่างปัก ครั้นถึงยามโพล้เพล้ก็ออกไปเดินเล่น
คงเพราะถานไถจิ้นอารมณ์ดีทีเดียว ปีศาจเสือจึงถูกปล่อยตัวออกมา แต่มันถูกสั่งห้ามมิให้กลายร่างในวัง
หลีซูซูได้พบเจอมันเป็นบางครั้ง มันนอนรับแสงแดดอยู่ใต้ต้นไม้ในร่างเสือ ทว่านางยังไม่ทันเดินเข้าไป มันก็เผ่นแน่บไปเสียแล้ว
เดิมทีหลีซูซูคิดว่าข่าวเรื่องการแต่งตั้งฮองเฮาแพร่ออกไปแล้ว พี่ใหญ่ผู้ลึกล้ำยากคาดเดาของนางจะมีการเคลื่อนไหว
กระนั้นพวกนางเพียงพบกันโดยบังเอิญในวังหนหนึ่ง เยี่ยปิงฉางยิ้มน้อยๆ ให้หลีซูซู ท่าทางเรียบเฉยและอ่อนโยนมาก หว่างคิ้วของเยี่ยปิงฉางมีแววลำบากใจจางๆ แต่กลับมิได้แสดงออกมามากนัก ดูไปแล้วกลับให้ความรู้สึกเศร้าสลด ชวนให้คนเห็นใจเสียมากกว่า
พอรับรู้ว่าหลีซูซูขมวดคิ้วมองเงาหลังของนาง โกวอวี้รีบพูดว่า “เจ้านายน้อย ท่านจะเห็นใจนางไม่ได้นะ โกวอวี้มักรู้สึกว่าเยี่ยปิงฉางผู้นี้น่ากลัวมากอยู่เสมอ”
“ข้ารู้” หลีซูซูกล่าว “ข้ามิได้เห็นใจนาง”
นางเพียงแต่รู้สึกว่าเยี่ยปิงฉางถึงขั้นควบคุมห่วงเงินให้ทำร้ายตนเอง ย่อมไม่มีทางนิ่งเฉยกับเรื่องนี้แน่นอน จวบจนบัดนี้เยี่ยปิงฉางยังไม่ลงมือทำอะไร ช่างทำให้คนคาดเดาไม่ถูกจริงๆ
หลีซูซูกลับมาที่วังเฝ่ยชุ่ย ก็พบว่าถานไถจิ้นอยู่ที่นี่
หลายวันมานี้เขามิได้อยู่ว่างไปกว่าตน ทั้งปรับแก้อัตราภาษีอากร เตรียมงานเถลิงราชย์ อีกทางหนึ่งยังคงตามหาตัวองค์ชายแปดที่ผลุบๆ โผล่ๆ ด้วย
บางครั้งดึกแล้ว แต่แสงไฟในตำหนักเฉิงเฉียนของเขายังคงสว่าง
ยามนี้เขาถืออะไรบางอย่างในมือ หลีซูซูเดินเข้าไปดู พบว่าเป็นผ้าคลุมศีรษะที่นางเป็นคนปัก
เนื่องจากหลีซูซูเป็นมือใหม่ ลายเฟิ่งหวงที่ปักอยู่บนนั้นจนกระทั่งบัดนี้ยังคงเก็บด้ายไม่เรียบร้อย เส้นไหมสีทองบนผ้าคลุมศีรษะสีแดงสด มองแวบแรกช่างอนาถตาจนทนดูแทบไม่ไหว
ถานไถจิ้นมองหลีซูซูอย่างไม่พอใจ
ต่อให้เขาไม่พูด หลีซูซูก็อ่านความรู้สึกของเขาออก… เจ้ามีปัญญาปักได้แค่นี้น่ะหรือ
หลีซูซูมองเขาอย่างไร้เดียงสาพลางเอ่ยว่า “งานแต่ละอย่างล้วนมีทักษะเฉพาะ ข้าทำไม่เป็นจริงๆ นี่นา แต่พวกช่างปักกลับบอกว่าคนที่แต่งงานต้องเป็นคนปักผ้าคลุมศีรษะ จึงจะได้รับคำอวยพร หากเจ้าทนดูไม่ได้จริงๆ ก็ให้ช่างปักเป็นคนปักแล้วกัน ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครรู้หรอก”
ถานไถจิ้นพูดถากถาง “หน้าอย่างเจ้า ยังคิดจะเป็นฮองเฮา”
เขาหันกลับไป พบว่าหลีซูซูไม่อยู่ที่เดิมแล้ว
หญิงสาวใช้แขนสองข้างหนุนศีรษะ เอนกายลงบนเตียงที่ปักลายดอกตู้เจวียน* สีเงินอย่างสบายอารมณ์ ใกล้เข้าฤดูคิมหันต์ คิมหันต์ของต้าโจวร้อนอบอ้าวอยู่แล้ว นางยกมือขึ้น ยันต์เหลืองที่คีบอยู่ระหว่างนิ้วมือลุกไหม้ เกล็ดหิมะงดงามโปรยปรายลงมาข้างกายนาง
นิ้วมือเรียวยาวของนางรับเกล็ดหิมะไว้ ชายกระโปรงสีม่วงแผ่ออกไปบนเตียง
เกล็ดหิมะตกลงบนเส้นผมนาง นางเอียงศีรษะ เห็นชายหนุ่มกำลังจ้องหน้านางเขม็ง จึงเอ่ยถามว่า “เมื่อครู่นี้เจ้าว่าอะไรนะ”
หิมะที่ตกลงมากลายเป็นผลึกน้ำแข็งสีฟ้าบนหน้าผากของหญิงสาว นางเสกหิมะออกมาในช่วงต้นฤดูร้อน เนตรขนงเจือแววไม่จริงจัง นางกะพริบตาสองที ความรู้สึกเย็นชาพลันสลายไป เผยความงามบริสุทธิ์ของหญิงสาวออกมา
ถานไถจิ้นตีหน้าเย็นชา สะบัดแขนเสื้อจากไปทันใด
โกวอวี้รีบรายงาน “เขาหูแดงด้วย”
หลีซูซูลุกขึ้นนั่ง พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ “ผ้าคลุมศีรษะที่ข้ายังปักไม่เสร็จเล่า”
โกวอวี้บอก “เขาเอาไปแล้ว”
หลีซูซูขบคิดเล็กน้อย ดวงตาเจือรอยยิ้มหลายส่วน
โคมชาววังในตำหนักเฉิงเฉียนดับช้ากว่าปกติเล็กน้อย เหล่าช่างปักไม่มากวนใจหลีซูซูอีก
ก่อนวันงานครึ่งเดือน หลีซูซูได้รับผ้าคลุมศีรษะที่ปักเสร็จเรียบร้อยแล้วผืนหนึ่ง
ผ้าคลุมศีรษะวางอยู่บนหัวเตียงของนาง ปักด้วยด้ายทองหรูหรา ทุกจุดล้วนงามประณีต หลีซูซูหยิบขึ้นมา นิ้วมือสัมผัสลูบไล้ เหมือนเห็นภาพถานไถจิ้นกำลังปักเฟิ่งหวงด้วยสีหน้าเย็นชา
เทียบกับฝีมือของสตรี เฟิ่งหวงตัวนี้ให้ความรู้สึกแข็งกร้าวและองอาจกว่า หลีซูซูมองเฟิ่งหวงที่งามวิจิตรอย่างประหลาดใจ
แม้แต่โกวอวี้เอง น้ำเสียงยังเจือแววสับสนอยู่บ้าง “เด็กที่เติบโตขึ้นในวังเย็น ทักษะในการดำรงชีวิตล้วนต้องเป็นทุกอย่าง”
มารร้ายตนหนึ่งกลับเชื่อธรรมเนียมเช่นนี้ด้วย หวังอยากให้ทวยเทพอวยพรให้เขา
น่าขันทีเดียว แต่ใคร่ครวญให้ดีก็ชวนให้คนรู้สึกสับสนว้าวุ่นใจ
หลีซูซูเก็บผ้าคลุมศีรษะให้เรียบร้อย มุมปากเม้มเข้าด้วยกันเล็กน้อย
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่นางหลอกปล้นหัวใจจากคนอื่น ทั้งยังดูเหมือนว่าจะ…สำเร็จ