จันทราอัสดง
ทดลองอ่าน จันทราอัสดง เล่ม 3 บทที่ 70-71
บทที่ 71
ค่ำคืนนี้สำหรับหลีซูซูแล้วยาวนานมาก
หลังจากที่นางหลับลึกไป ก็ฝันถึงบรรพตฉางเจ๋อ ตอนนั้นนางเพิ่งเกิดได้ไม่นาน ขนยังเปียกอยู่ ยังมิได้กลายร่าง ท่านเซียนในชุดสีฟ้าครามใช้แพรต่วนห่อตัวนางอย่างระมัดระวัง และพานางบังคับกระบี่ลงจากเขา
“นับแต่นี้ไป สำนักเหิงหยางก็คือบ้านของเจ้า บิดาจะดูแลเจ้าให้ดี”
วิหคศักดิ์สิทธิ์ตัวน้อยโผล่หัวออกมาจากแพรต่วน กวาดตาสำรวจรอบด้านด้วยความอยากรู้อยากเห็น ท้องฟ้าสีเทาหม่นกดทับลงมา ภูตผีปีศาจกระจายอยู่ทั่ว
ท่านเซียนลูบหัวนางพลางโบกแขนเสื้อ รอบกายพลันมีเสียงวิหคขับขาน บุปผาส่งกลิ่นหอม
บรรดาศิษย์พี่และอาจารย์อาต่างล้อมวงเข้ามามองนางอย่างตื่นเต้นยินดี “ในที่สุดศิษย์น้องหญิงก็ออกจากเปลือกแล้ว!”
“ศิษย์น้องหญิง ข้าคือศิษย์พี่หญิงเหยาเวยของเจ้า นี่เป็นของขวัญพบหน้าที่ศิษย์พี่หญิงมอบให้เจ้า สามารถคุ้มครองเจ้าให้แข็งแรงปลอดภัย ร่างกายสมบูรณ์”
“ข้าคือศิษย์พี่ฉีเยวี่ยของเจ้า นี่เป็นของขวัญจากศิษย์พี่”
“ยังมีข้า ยังมีข้าด้วย ข้าก็เป็นศิษย์พี่ของเจ้าเหมือนกัน ศิษย์น้องหญิง นี่คือน้ำค้างทิพย์ที่ศิษย์พี่ไปหามาจากแดนเผิงไหล* ไม่รู้ว่าศิษย์น้องหญิงใช้ดื่มแทนน้ำนมได้หรือไม่…”
สำนักเซียนตกต่ำ ชีวิตที่เพิ่งเกิดใหม่และเปี่ยมด้วยชีวิตชีวานี้ ประหนึ่งน้ำพุใสที่ถูกถ่ายเข้าไปในโคลนตมที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย ทำให้สำนักเหิงหยางครึกครื้นขึ้นมาทันตา
ศิษย์พี่สตรีทั้งหลายจะไปแอบเก็บน้ำหวานทิพย์มาให้นาง ศิษย์พี่บุรุษจะแอบพานางเข้าไปเล่นสนุกในแดนลับ มีคนสอนนางบังคับกระบี่ มีคนสอนวิชาอาคมให้นาง ทุกครั้งเวลานางทำผิด ศิษย์พี่ใหญ่จะถอนหายใจอย่างจนใจ ปกป้องนางไว้ข้างหลัง แบกรับคำตำหนิและโทษทัณฑ์ทุกอย่างแทนนาง
ในยุคสมัยแห่งความวุ่นวายที่เต็มไปด้วยคาวโลหิต ข้างกายนางกลับเป็นท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งอยู่เสมอ ยังมีหิมะกับพุน้ำศักดิ์สิทธิ์บนเขาปู้เหลียงที่ไม่มีวันละลาย
โลกนี้ย่ำแย่ แต่พวกเขากลับเก็บทุกสิ่งที่ดีที่สุดไว้ให้หลีซูซู
ในฝันของนางมีท้องฟ้าสีน้ำเงิน มีชีวิตอิสรเสรีที่สามารถบังคับกระบี่เหาะเหิน ยังมีเสียงน้ำหยดติ๋งๆ จากพุน้ำศักดิ์สิทธิ์ และเกล็ดหิมะแวววาวที่โปรยปราย…
นางอดยกริมฝีปากขึ้นไม่ได้ เผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา
ทว่าพอตื่นขึ้นมา…
หลีซูซูได้ยินเสียงน้ำหยดติ๋งๆ นางลืมตา ร่างกายเจ็บระบมเหมือนถูกบดทับกระนั้น ร่างนางถูกคลุมด้วยอาภรณ์ที่ฉีกขาด ใต้อาภรณ์คือเรือนร่างเปลือยเปล่า
หลีซูซูขยับนิ้วมือ ความเจ็บแปลบอย่างรุนแรงส่งมาจากนิ้ว กระดูกนิ้วที่แตกหักทำให้เหงื่อเย็นของนางไหลรินไม่หยุด
ลำแสงอ่อนจางส่องผ่านรอยแยกเข้ามา ข้างนอกท้องฟ้าสว่างแล้ว มือข้างที่ยังสมบูรณ์ของหลีซูซูกำเสื้อผ้าแน่น จ้องมองแสงสว่างนั้น ไม่รู้คิดอะไรอยู่
เสียงน้ำมาจากตรงนั้นเช่นกัน ข้างนอกฝนกำลังตก
บาดแผลของนาง ร่องรอยการร่วมรักบนร่างกายนาง ไม่มีใครทำความสะอาดให้
ลมหายใจร้อนผ่าวบอกนางว่านางกำลังเป็นไข้
หลีซูซูออกแรงลุกขึ้นนั่งบนเตียงศิลา ใช้เสื้อผ้าห่อคลุมร่างกาย
บ่วงเชือกวารีอ่อนเปล่งแสงสีเงินสว่างท่ามกลางสภาพแวดล้อมอันมืดมิด หลีซูซูเดินไปใต้รอยแยก นั่งพิงเชิงกำแพงอย่างไร้เรี่ยวแรง แล้วอ้าปากรองรับน้ำฝน
กลีบปากแห้งผากของนางชุ่มชื้นขึ้นนิดหน่อย หลีซูซูรู้สึกดีขึ้นไม่น้อย
นางกอดเข่า ฝังแก้มในวงแขน
ในชีวิตนี้ น้อยครั้งที่นางจะรู้สึกสิ้นหวังและเปราะบางอย่างตอนนี้ มิใช่แค่เพราะเหตุการณ์เมื่อคืน แต่ยังเป็นเพราะตะปูดับวิญญาณสามดอกแตกสลายไป
นางได้แต่เฝ้ามองพวกมันปะทะกับเกล็ดป้องหัวใจ ก่อนสลายกลายเป็นผุยผง ส่วนเกล็ดป้องหัวใจก็มีรอยร้าวสีทองเช่นกัน
นางล้มเหลวแล้ว สิ่งที่เสียไปคือตนเอง ยังมีสรรพชีวิตในใต้หล้า
ไม่มีตะปูดับวิญญาณแล้ว ความรักของพญามารหนุ่มแปรเปลี่ยนเป็นความแค้นถั่งโถม สถานการณ์ชะงักงัน นางจะ…ถูกกักขังเช่นนี้ไปชั่วชีวิตหรือไม่
หลีซูซูไม่เคยเกิดความรู้สึกด้านลบเช่นนี้มาก่อน
นางคิด บางทีคนในสำนักไม่ควรมอบภารกิจนี้ให้นาง นางเป็นเพียงเซียนผู้น้อยที่อายุเพิ่งครบร้อยปีเท่านั้น จะแบกรับภารกิจเช่นนี้ได้อย่างไร แม้แต่หยุดยั้งมิให้ตะปูดับวิญญาณแตกสลาย นางยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ!
นางเพิ่งก้าวออกจากแดนเซียนที่เต็มไปด้วยการปกป้องคุ้มครองจากทุกคน ก็ล้มลงตรงหน้าพญามารจนบาดแผลเต็มตัวไปหมด
ทว่านางพยายามอย่างเต็มที่แล้วจริงๆ
ทั้งๆ ที่อยู่ในโลกมนุษย์ไม่ถึงสองปี กลับรู้สึกยาวนานกว่าร้อยปีที่ผ่านมาของนางเสียอีก
หลีซูซูกลั้นน้ำตา การแบกโลกในอีกห้าร้อยปีให้หลังเอาไว้ตลอดเวลา ทำให้นางต้องระมัดระวัง เหมือนก้าวย่างไปบนแผ่นน้ำแข็งบางเฉียบ แม้กระทั่งตอนถูกบงการให้ฆ่าเซียวหลิ่น ยังทำได้เพียงร้องไห้แค่ชั่วเวลาสั้นๆ จากนั้นเช็ดน้ำตาให้แห้งและรักษาเมืองแทนเขาต่อไป นางถึงขั้นไม่กล้าบังเกิดความรู้สึกอ่อนโยนกับใครมากเกินไป ด้วยเกรงว่าจะกระทบต่อจุดมุ่งหมายในการเดินทางมาโลกมนุษย์ครั้งนี้
แต่นางก็เป็นชีวิตหนึ่งในสามพิภพแห่งนี้ ร่างกายมีเลือดมีเนื้อ นางก็เจ็บเป็น หวาดกลัวเป็น หลงทางเป็นเหมือนกัน
หยดน้ำฝนตกกระทบใบหน้านาง
จิตบำเพ็ญที่แน่วแน่มั่นคงมาโดยตลอดเริ่มสั่นคลอนทีละนิด
เสียงหนึ่งเหมือนกำลังบอกว่า…
“อย่ายืนหยัดอีกเลย พอแค่นี้เถอะ เจ้าทำไม่สำเร็จหรอก เขาเป็นถึงพญามาร เขารู้แล้วว่าเจ้าหลอกเขา ขืนยังยืนกรานต่อไป มีแต่จะต้องตายอยู่ในห้าร้อยปีก่อนนี้”
“กลับบ้านเถอะ เดิมทีทุกสิ่งทุกอย่างนี้ล้วนมิใช่สิ่งที่เจ้าควรแบกรับไว้อยู่แล้ว ปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตา กลับไปยังยุคสมัยของเจ้า ต่อให้ต้องตายจริงๆ ก็ง่ายดายและไม่ทรมาน”
“เจ้าปกป้องสามพิภพ แล้วใครจะมาปกป้องเจ้า”
หลีซูซูกอดตนเองแน่น กัดฟันอย่างแรง นางสัมผัสถูกผนังหินเย็น หินนี้เย็นเฉียบปานน้ำแข็ง แม้ตอนนี้จะเป็นฤดูคิมหันต์ แต่นางยังคงหนาวจนตัวสั่นสะท้าน
สี่ด้านล้วนไม่มีทางออก โกวอวี้เงียบไปแล้ว นางกัดปลายนิ้วจนเลือดออกและวาดยันต์ ทว่าไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย
นางถูกขังอยู่ในมิติฮุ่นตุ้น* แห่งหนึ่ง
สถานที่แห่งนี้เหมือนกรงขังที่เพียนหรานเคยใช้ ทำให้คนได้แต่ถูกขังอยู่ที่นี่เท่านั้น นางมิอาจไปที่ใดได้ แม้แต่โกวอวี้ยังถูกบังคับให้หลับใหล
หลีซูซูปิดตาตนเอง บุปผาเหนือพิภพเริ่มเจ็บอีกแล้ว
เนื่องจากความหวาดหวั่นและความป่วยไข้ ครั้งนี้จึงเจ็บปวดรุนแรงยิ่งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา นางอดทนอยู่นาน พอลืมตาอีกครั้ง พบว่าแม้แต่ลำแสงอ่อนจางนั้น นางก็มองเห็นไม่ค่อยชัดแล้ว
หลีซูซูขยี้ดวงตา ความเงียบงันน่ากลัวจู่โจมนาง มีชั่วขณะหนึ่งที่แม้แต่เสียงน้ำหยดติ๋งๆ ยังเหมือนห่างออกไปไกล นางขดตัวอยู่บนเตียงศิลา คิดถึงเมื่อนานแสนนานมาแล้ว โกวอวี้เคยบอกผลลัพธ์ของการใช้บุปผาเหนือพิภพกับนาง
โชคชะตารันทด ตายแบบศพไม่สมบูรณ์…
เนี่ยนมู่หนิงเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล “ไป๋อวี่ ฝ่าบาทเป็นอย่างไรบ้าง”
เนี่ยนไป๋อวี่ส่ายหน้า สีหน้าหนักอึ้งยิ่ง
“วันนี้ตอนกลับมา กระอักโลหิตไปครั้งหนึ่ง จวบจนบัดนี้ยังไม่ฟื้น หมอหลวงบอกว่าชีพจรหัวใจได้รับความเสียหาย มีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินฤดูหนาวนี้”
เนี่ยนมู่หนิงซวนเซถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “ไฉนจึงกลายเป็นเช่นนี้ได้ ล้วนต้องโทษข้า หากข้าเฝ้าคุณหนูสามสกุลเยี่ยให้ดี ย่อมไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น”
เนี่ยนไป๋อวี่ประคองนางเอาไว้ “พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ รอฝ่าบาทฟื้นขึ้นมาก่อน บางทีเขาอาจมีหนทาง”
เมื่อนานมาแล้วเคยมีคนบอกอย่างมั่นใจว่าถานไถจิ้นจะอยู่ได้ไม่เกินสิบหกปี กระนั้นตลอดหลายปีมานี้ไม่รู้ว่าแลกด้วยสิ่งใด เขากลับมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัยจวบจนปัจจุบัน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ บางทีอาจมีหนทางแก้ไขก็เป็นได้
เนี่ยนไป๋อวี่ไม่ได้เล่าเหตุการณ์ตอนเขาเห็นฝ่าบาทเมื่อเช้านี้ให้ผู้เป็นพี่สาวฟัง จวบจนบัดนี้ย้อนคิดดูแล้ว ความรู้สึกในใจเขายังคงระคนปนเป
มุมปากของฝ่าบาทมีรอยเลือด แววตาว่างเปล่าแข็งทื่อ นัยน์ตาดำเข้มสั่งสมความโกรธแค้นไว้มากมายมหาศาล หน้าอกเขามีร่องรอยสีเข้มกลุ่มหนึ่งซึมออกมา เขากดหัวใจแน่น หนีกลับมายังตำหนักเฉิงเฉียน กระอักโลหิตคำหนึ่งและหมดสติไป