คิมหันต์ของแคว้นโจวมากด้วยฝน
ตอนบ่ายฝนที่โปรยปรายยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เจาหวาฟูเหรินมาเยี่ยมถานไถจิ้น เนี่ยนไป๋อวี่ทำตัวเหมือนเงามืดสายหนึ่ง คอยตามเยี่ยปิงฉางเงียบๆ โดยไม่พูดไม่จา
เยี่ยปิงฉางพูดขึ้นว่า “ใต้เท้าเนี่ยน ข้าแค่อยากพูดคุยกับฝ่าบาทตามลำพังสักหน่อย”
เนี่ยนไป๋อวี่ส่ายหน้านิดๆ สายตาจ้องมองไปที่พื้น
เยี่ยปิงฉางจนใจ ได้แต่ปล่อยให้เหล่าองครักษ์เยี่ยอิ่งจับตาดู นางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อให้ถานไถจิ้น
ข้างกายเขา เยี่ยปิงฉางเห็นเกล็ดป้องหัวใจที่มีรอยร้าว
สีหน้านางเปลี่ยนไป รีบหยิบขึ้นมา
ดังคาด บนเกล็ดป้องหัวใจที่เดิมทีเป็นสีเงิน มีริ้วสีทองกระจายอยู่หนาแน่นเต็มไปหมด นางลองสัมผัสมัน พบว่ามันไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย
ฉับพลันนั้นเองเยี่ยปิงฉางก็มีสีหน้าย่ำแย่ถึงขีดสุด นางตระหนักถึงความจริงที่มิอาจเปลี่ยนแปลงข้อหนึ่ง เกล็ดป้องหัวใจแตกแล้ว!
เกิดอะไรขึ้นกับถานไถจิ้น!
องครักษ์เฉียนหลงจะทำลายเกล็ดป้องหัวใจจนแตกจริงๆ ได้อย่างไร
สีหน้านางเปลี่ยนแปรไปมา ปวดใจจนสูดหายใจไม่หยุด กระนั้นภายใต้สายตาของเนี่ยนไป๋อวี่และคนอื่นๆ นางได้แต่บังคับให้ตนเองคืนสู่ความสุขุมเยือกเย็นดังเดิม ท่อนไม้กลายเป็นเรือ* ไปแล้ว ต่อให้นางเสียใจภายหลังเพียงใดก็มิอาจทำอันใดได้
เกล็ดป้องหัวใจถูกทำลาย แลกกับการขจัดภัยคุกคามจากหลีซูซู
ตอนนี้สำหรับถานไถจิ้น หลีซูซูก็คือคนทรยศที่มีองครักษ์เฉียนหลงอยู่ในมือ ตนเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาผู้หนึ่ง ถือเกล็ดป้องหัวใจไว้กลับมิอาจใช้งานอย่างเต็มที่ ทั้งยังดึงดูดพวกปีศาจให้เข้ามาหา
สถานการณ์ตอนนี้ไม่นับว่าแย่
หลังโน้มน้าวตนเองแล้ว เยี่ยปิงฉางอยากเหน็บชายผ้าห่มให้ถานไถจิ้น ทว่ากระบี่เล่มหนึ่งกลับสกัดมือนางไว้
เนี่ยนไป๋อวี่พูด “ฟูเหรินเยี่ยมฝ่าบาทเสร็จแล้วก็กลับไปเถอะ”
ความเก้อกระดากวาบขึ้นบนใบหน้าของเยี่ยปิงฉางและหายไปอย่างรวดเร็ว นางยิ้มพยักหน้า
ถานไถจิ้นฟื้นขึ้นมาตอนบ่ายของวันที่สอง เขาตระหนักถึงความผิดปกติของร่างกายเช่นกัน จึงเรียกนักพรตเฒ่าในธงกลืนวิญญาณออกมา
“สิ่งที่อยู่ในหัวใจเรา สามารถเอาออกมาได้หรือไม่”
นักพรตเฒ่าลองดูครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าตอบว่า “ฝ่าบาทโปรดอภัยที่กระหม่อมไร้ความสามารถ ที่ผ่านมาไม่เคยพบเจอวัตถุชั่วร้ายเช่นนี้มาก่อน ดูเหมือนมันจะฝังเข้าไปในหัวใจของฝ่าบาท มิอาจนำออกมาได้”
ทราบอย่างนี้แล้ว มือเขาแตะลงบนหน้าอก สีหน้าเยียบเย็นเป็นน้ำแข็ง
ขณะที่นักพรตเฒ่าคิดว่าเขาจะบันดาลโทสะ เขากลับกระดกริมฝีปากเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย “เช่นนั้นก็ทิ้งไว้อย่างนี้”
ถึงอย่างไรก็แค่เจ็บเท่านั้น
ก็แค่เจ็บเล็กน้อยเท่านั้นเอง
“จับปีศาจมาให้เราอีกหลายๆ ตัว ถ้าเจอผู้บำเพ็ญเซียนก็จับมาด้วย”
นักพรตเฒ่ารีบรับคำ เข้าใจดีว่าถานไถจิ้นคิดจะพึ่งลูกกลอนในตัวปีศาจต่อชีวิตตนเองต่อไป หากบอกว่าเมื่อก่อนอายุขัยของเขาต้องสังหารปีศาจปีละหนึ่งตัว บัดนี้เกรงว่าคงต้องล้วงลูกกลอนในตัวปีศาจทุกเดือน เพื่อมาเติมพลังชีวิตที่รั่วไหลไปของเขา
เนี่ยนไป๋อวี่กำลังจะถือธงกลืนวิญญาณจากไป ถานไถจิ้นกลับเอ่ยเสียงเย็น “ให้เยี่ยฉู่เฟิงไป”
“ฝ่าบาท?”
ถานไถจิ้นพูด “ในตัวเยี่ยฉู่เฟิงมีลูกกลอนของปีศาจจิ้งจอกอยู่ครึ่งเม็ด เขาจับปีศาจระดับสูงได้ดีกว่าพวกเจ้า”
เนี่ยนไป๋อวี่กับนักพรตเฒ่ามองตากัน ดวงตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
ไม่น่าเชื่อว่าในตัวของเยี่ยฉู่เฟิงจะมีลูกกลอนของปีศาจจิ้งจอกเพียนหรานอยู่ครึ่งเม็ด มิน่าฝ่าบาทถึงได้เก็บคนผู้นี้ไว้ใช้งาน
เนี่ยนไป๋อวี่พยักหน้า ถือธงกลืนวิญญาณไปหาเยี่ยฉู่เฟิงทันที
ถานไถจิ้นเงียบงัน ใบหน้าขาวซีดเย็นชา
เนี่ยนมู่หนิงอยู่ในตำหนัก ก้มหน้ามองพื้น นางรู้สึกทุกข์ใจอยู่บ้าง หลายวันก่อนตอนฝ่าบาทเตรียมงานเถลิงราชย์และงานแต่งตั้งฮองเฮา ดวงตาเจือประกายเจิดจรัส ทว่าบัดนี้ ในดวงตาเขาว่างเปล่าไม่เหลืออะไรเลย
นางคิดว่าฝ่าบาทจะถามถึงหญิงสาวในห้องลับฮุ่นตุ้น ไม่คิดว่าเขาจะเพียงหันหลังอย่างเฉยชา ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ราวกับว่าคนผู้นั้นตายไปแล้ว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาแม้แต่น้อย
เนี่ยนมู่หนิงเฝ้ารอจนถึงยามโพล้เพล้ ก็ไม่เห็นฝ่าบาทจะถามถึงนาง
เนี่ยนมู่หนิงได้แต่เอ่ยปากเสียงค่อยอย่างลังเลว่า “ฝ่าบาท นางไม่สบาย ตั้งแต่เมื่อวานจวบจนตอนนี้ นางดื่มน้ำฝนไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
ชายหนุ่มลืมตา มองลวดลายสีเงินบนเตียงมังกร หัวเราะเบาๆ พลางกล่าว “ส่งคนไปดู อย่าปล่อยให้นางตาย นางไม่สมควรตายอย่างง่ายดายเช่นนี้”
เนี่ยนมู่หนิงเอ่ยรับคำ