บทที่ 8
รอจนหลีซูซูกับท่านหมอจากไปไกลแล้ว ถานไถจิ้นก็ลืมตาขึ้น
ผ่านไปไม่นาน บ่าวชายในชุดสีเทายกอาหารกับน้ำดื่มมาให้ พอเห็นถานไถจิ้นตื่นอยู่ บ่าวชายตกใจสะดุ้ง
“จื้อจื่อ กินอาหารเถิด” บ่าวชายวางกล่องอาหารในมือลง
ถานไถจิ้นใช้แขนประคองตัวขึ้นมาและกินอาหาร
บ่าวชายเฝ้าอยู่ด้านข้าง เอ่ยเสียงเรียบว่า “ต่อจากนี้อีกหลายวัน บ่าวจะนำอาหารมาส่งให้จื้อจื่อตามเวลา ขอจื้อจื่อโปรดอย่าออกจากเรือนตะวันออก”
ถานไถจิ้นตอบ “ขอบใจเจ้ามาก”
บ่าวชายเห็นเด็กหนุ่มตรงหน้ามีท่าทีสุภาพ น้ำเสียงกระจ่างผ่าเผย จึงพลันรู้สึกละอายใจเล็กน้อย บางครั้งพวกบ่าวไพร่ก็จงใจปฏิบัติกับถานไถจิ้นเช่นนี้ ฐานะของเขามีความพิเศษ การรังแกเขาสร้างความรู้สึกพึงพอใจไปอีกอย่างหนึ่ง
ทว่าคิดอีกที บางทีบุคคลตรงหน้าผู้นี้ ชีวิตความเป็นอยู่ยังสู้พวกเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ
บ่าวชายอดพูดขึ้นไม่ได้ “จื้อจื่อ หน้าต่างของเรือนตะวันออกชำรุดแล้ว ตอนบ่ายบ่าวจะพาคนมาซ่อม”
ถานไถจิ้นยิ้มน้อยๆ อย่างเกรงใจ “ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากหรอก”
บ่าวชายคิดในใจ จิตใจของจื้อจื่อไม่เลวจริงๆ ถูกจงใจกลั่นแกล้ง กลับมิได้โกรธแค้นพวกข้า
เขาไม่ได้เอ่ยถึงคุณหนูสาม เพราะคุณหนูสามไม่ให้ตนพูดถึงนาง โชคดีที่จื้อจื่อมิได้ถาม หาไม่แล้วบ่าวชายก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร
รอจนบ่าวชายเก็บกล่องอาหารจากไป เรือนตะวันออกก็กลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง
อีกาสีดำปลอดตัวหนึ่งบินมาจากทุ่งหิมะ วนเวียนอยู่เหนือเรือนตะวันออก
จวนแม่ทัพมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ระแวดระวังสัตว์ปีกที่ใช้ส่งสารเป็นพิเศษ หากเป็นนกพิราบ ขอเพียงพบเห็น จะต้องถูกยิงทิ้งทั้งหมด
กระนั้นอีกาที่เจือไออัปมงคลตัวหนึ่ง ถูกพบเห็นอย่างมากก็แค่ก่นด่าหนึ่งคำ
ถานไถจิ้นผลักหน้าต่างให้เปิดออกและยื่นมือออกไป อีกาเกาะแขนเขาอย่างมั่นคง
คิ้วตาของเด็กหนุ่มยังคงอ่อนโยน ลูบขนปีกสีดำเข้มอย่างนุ่มนวล อีกาส่งเสียงร้องบนมือเขา ถานไถจิ้นยกนิ้วมือขาวซีดขึ้นมา บิดคออีกาจนหัก หัวของมันตกลงอย่างอ่อนปวกเปียก
ถานไถจิ้นแหวกท้องอีกาอย่างใจเย็น หยิบลูกเทียนลูกหนึ่งออกมา หลังบีบลูกเทียนจนแตก เขาดึงชิ้นกระดาษที่พับไว้อย่างเรียบร้อยออกมา
พอกวาดตาอ่านอย่างรวดเร็วจนจบ เขาก็โยนซากอีกาออกไปนอกหน้าต่าง
เปลือกตาของเด็กหนุ่มหลุบลงเป็นเงามืด ท่าทางครุ่นคิด
วิหคสีดำเข้มตกลงบนพื้นหิมะ ไม่นาน หิมะที่ตกหนักก็กลบทับซากอีกาจนมิด
ระหว่างทางกลับหลีซูซูพบบุรุษในชุดผ้าเนื้อหยาบสีน้ำตาลผู้หนึ่ง
นางใช้ความคิดครู่หนึ่งว่านี่คือใคร “พี่รอง รอเดี๋ยว”
เยี่ยฉู่เฟิงหันกลับมาอย่างประหลาดใจพลางรีบเอ่ยทัก “น้องหญิงสาม”
“พี่รองจะออกจากจวนหรือ”
เยี่ยฉู่เฟิงมองรองเท้าหุ้มแข้งของตนเองอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “เครื่องเขียนหมดน่ะ ข้าจะออกจากจวนไปซื้อหา”
หลีซูซูพิจารณาเขา บุรุษตรงหน้าคิ้วตางามสง่า ดูสุภาพอ่อนแอทีเดียว
คุณชายทั้งสี่ของจวนแม่ทัพ คุณชายรองผู้นี้ไร้ตัวตนมากที่สุด เขาถูกแม่ทัพใหญ่เยี่ยรับตัวกลับมาจากชนบทในปีที่อายุสามขวบ
ตอนนั้นเยี่ยเซี่ยวโยนเด็กน้อยให้พ่อบ้านเป็นคนดูแลพลางเอ่ยว่า “ต่อไปเขามีชื่อว่าเยี่ยฉู่เฟิง”
เด็กทุกคนในจวนล้วนมีมารดา นอกจากคุณหนูสามเยี่ยซีอู้และคุณชายรองเยี่ยฉู่เฟิง
มารดาของเยี่ยซีอู้จากไปเร็ว ส่วนเยี่ยฉู่เฟิง ในช่วงที่เยี่ยเซี่ยวทำศึก ระหว่างเดินทัพเขาบาดเจ็บและพักรักษาตัวที่หมู่บ้านเกษตรแห่งหนึ่ง หลังจากใกล้ชิดกับหญิงม่ายในหมู่บ้านแห่งนั้นหลายวัน ก็เกิดทายาทผู้นี้ขึ้น คนในจวนแม่ทัพรู้ชาติกำเนิดของคุณชายรองดี จึงดูถูกเขาเป็นพิเศษ
เยี่ยฉู่เฟิงรู้ว่าฐานะของตนกระอักกระอ่วน แต่ไหนแต่ไรมาจึงใช้ชีวิตอยู่ในจวนเหมือนมนุษย์ล่องหน แม้แต่คุณชายสี่ที่อายุหกขวบ ยังรู้ว่าพี่รองผู้นี้อ่อนแอรังแกได้
เยี่ยฉู่เฟิงนิสัยแปลกแยก แต่ก่อนมีเพียงเยี่ยปิงฉางที่ดีต่อเขาหน่อย
หลีซูซูบ่นในใจ เยี่ยปิงฉางอัธยาศัยออกจะดีเกินไปหน่อยแล้วกระมัง
เซวียนอ๋องกับผังอี๋จือไม่พูดถึง แต่คนเงียบขรึมพูดน้อยอย่างเยี่ยฉู่เฟิง กลับอยู่ร่วมกับเยี่ยปิงฉางได้ไม่เลวอย่างนั้นหรือ
หลีซูซูรู้สึกสนใจใคร่รู้ในตัวพี่สาวสายรองคนนี้มากกว่าเดิม
เยี่ยฉู่เฟิงถูกหลีซูซูขวางไว้ สีหน้าไม่สบายใจอย่างยิ่ง เขาก้มศีรษะต่ำเอ่ย “น้องหญิงสามมีธุระอันใดหรือไม่”
หลีซูซูพยักหน้า “ครั้งก่อนซีอู้ไม่ระวังทำให้พี่หญิงใหญ่ตกน้ำ รู้สึกไม่สบายใจ ได้ยินว่าอีกไม่กี่วันเซวียนอ๋องจะย้ายออกจากวังมาพักที่จวนนอกวัง ข้าอยากเตรียมของขวัญชิ้นหนึ่งเป็นการขอขมาพี่หญิงใหญ่ พี่รอง ข้าฟังมาว่าแต่ก่อนท่านกับพี่หญิงใหญ่ความสัมพันธ์ไม่เลว ท่านรู้หรือไม่ว่านางชอบอะไร”
เยี่ยฉู่เฟิงโบกไม้โบกมือเป็นพัลวัน “น้องหญิงสามเข้าใจผิดแล้ว ข้ากับน้องหญิงปิงฉางแค่พูดคุยกันเป็นครั้งคราวเท่านั้น ไม่รู้หรอกว่านางชอบอะไร”
หลีซูซูเห็นสีหน้าเขาก็รู้ว่าเขาคิดว่านางมาหาเรื่อง