บทที่ 9
ถานไถจิ้นซ่อนนิ้วมือที่มีแผลจากความเย็นจัดเงียบๆ
“ข้าไม่รู้ว่าคุณหนูสามหมายความว่าอะไร” เขาตอบเสียงเบา “ข้ามีแต่เสื้อผ้าพวกนี้”
หลีซูซูคิดถึงสถานการณ์ของเขาตอนนี้ ก่อนจะแค่นเสียงอย่างเก้อกระดากเล็กน้อย
ก็จริง จวนสกุลเยี่ยขอเพียงเขาไม่สร้างความอับอายเป็นพอ ไม่สนใจว่าเขาจะหนาวหรือไม่
เด็กหนุ่มนั่งอยู่ตรงมุมของรถม้าเงียบๆ มองกระถางกำยานบนรถม้า ใบหน้าไม่มีเลือดฝาดแม้แต่น้อย
หลีซูซูคิดในใจ หากไม่ได้เห็นกับตาตนเอง ทำอย่างไรข้าก็ไม่มีทางเชื่อว่าบุรุษโหดเหี้ยมที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ในวังมารในอีกห้าร้อยปีให้หลัง จะเป็นคนคนเดียวกับเด็กหนุ่มท่าทางหม่นหมองตรงหน้าผู้นี้
ถึงอย่างไรนางก็เคยเห็นจอมมารฆ่าคนมากับตา เขาเฉียบขาดรวดเร็วเหมือนบี้มดตัวหนึ่ง! ทว่าถานไถจิ้นที่อยู่เบื้องหน้า อย่าว่าแต่ฆ่าคนเลย แค่เชือดปลาสักตัวดูท่ายังลำบาก เป็นถึงสิ่งชั่วร้าย กลับไม่เอาไหนถึงขั้นปล่อยให้มือเป็นแผลจากความเย็น!
เขาเป็นอะไรของเขา
เดิมทีหลีซูซูเป็นคนชอบไม้อ่อนไม่ชอบไม้แข็งอยู่แล้ว มหามรรคากว้างใหญ่หลายหลาก ผู้บำเพ็ญเพียรพึงตระหนักว่าฟ้าดินกว้างใหญ่ เห็นคุณค่าต้นหญ้าแมกไม้เขียว*
หากเขามีสภาพเช่นนี้ตลอดไป หลีซูซูกลัวจริงๆ ว่าต่อไปเมื่อต้องถอนกระดูกมารของเขา ทำลายจิตวิญญาณเขาให้แตกสลายแล้วนางจะใจอ่อน
ดูไปเหมือนเรื่องเล็ก ทว่าสำหรับผู้บำเพ็ญเพียร หากบังเกิดความใจอ่อนกับเขา เมื่อต้องสังหารเขาจะกระทบต่อจิตบำเพ็ญ ทำให้หยุดชะงักบนเส้นทางการบำเพ็ญเพียร
ความใฝ่ฝันของหลีซูซูคือการเป็นเทพ เป็นเหมือนอย่างเทพแท้บรรพกาล
ฉะนั้นนางต้องรักษาจิตบำเพ็ญไว้ให้ดี จดจำโฉมหน้าที่แท้จริงของเขาให้ได้เสมอ
หลีซูซูตัดสินใจแน่วแน่แล้วเอ่ยว่า “ถานไถจิ้น เจ้าเงยหน้าขึ้นมา ใช้แววตาเย็นชาอำมหิตมองข้า จากนั้นบีบคางข้าไว้”
“คุณหนูสาม?”
“ข้าบอกให้ทำเจ้าก็ทำ ไม่ต้องถามว่าเพราะอะไร!”
เด็กหนุ่มดูเหมือนจะลังเลมาก เงยหน้าขึ้น จนแล้วจนรอดก็มิอาจลงมือขั้นต่อไปได้
หลีซูซูร้อนใจจนทำแก้มป่อง เอ่ยเร่งรัด “เจ้าเป็นบุรุษหรือไม่ ดุดันหน่อยสิ!”
เพิ่งจะขาดคำ แววตาของเด็กหนุ่มที่เดิมทีขลาดกลัวก็พลันเปลี่ยนเป็นเยียบเย็นเกินใครทันใด ลูกตาสีดำของเขาจ้องนางอย่างเย็นชา มือที่ปลายนิ้วขาวซีดถือโอกาสนี้บีบใต้คางของเด็กสาวไว้
แม้เขาจะผ่ายผอมอ่อนแรง แต่เดิมทีก็สูงกว่านางไม่น้อย ยามนี้เมื่อหลุบตาจ้องนางอย่างเฉยชา ความเย็นยะเยียบในดวงตาสะท้อนความโหดเหี้ยมออกมารางๆ
คางเล็กจิ้มลิ้มของหลีซูซูอยู่ใต้ท้องนิ้วเย็นเฉียบของเขา ชั่วขณะหนึ่งที่งุนงง นางตกใจจนเกือบชักกระบี่ออกมาฟันเขา
กระบี่ของข้าล่ะ กระบี่ของข้า?
ถานไถจิ้นจับจ้องหลีซูซูเช่นนี้หลายอึดใจ จังหวะที่นางเบิกตาโต เขาหดมือกลับไปอย่างลนลาน เอ่ยอย่างไม่สบายใจ “เช่นนี้หรือคุณหนูสาม”
ความรู้สึกอำมหิตดุดันเลือนหายไปในพริบตา
หลีซูซูไม่ตอบคำ “…”
ใช่ เจ้าทำได้ดีเกินไปแล้ว
ตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงเรื่องไม่มีข้าวกิน ไม่มีเสื้อผ้าใส่ เป็นแผลจากความเย็น ต่อให้เด็กหนุ่มตรงหน้าตายอยู่ในรถม้า หรือกระโดดลงจากรถม้า จากนั้นถูกกีบเท้าม้าเหยียบจนเละ หลีซูซูก็ไม่มีทางเกิดความสงสารเห็นใจเขาอีก
สิ่งชั่วร้ายก็คือสิ่งชั่วร้ายวันยังค่ำ สุดท้ายย่อมมีวันหนึ่งในอนาคตที่เขากลายเป็นสัตว์ประหลาดที่รู้จักแต่การเข่นฆ่าสังหาร
ภาพเมื่อครู่นี้ช่างเป็นการแสดงบทบาทเดิมของเขาอย่างแท้จริง
นางตัดสินใจแล้ว ต่อไปหากมีทีท่าว่าจะสงสารมารร้ายอีก นางจะให้ถานไถจิ้นสวมบทจอมมารผู้โหดเหี้ยมให้ดูรอบหนึ่ง เช่นนี้จิตบำเพ็ญย่อมเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งมิอาจทำลาย ถูกฟาดฟันก็ไม่หวั่นไหว
ถานไถจิ้นเห็นเด็กสาวตรงหน้าสีหน้าเปลี่ยนจากประหม่าเป็นโล่งใจ มือที่อยู่ใต้แขนเสื้อของเขา จุดที่สัมผัสใต้คางนางขยับเล็กน้อย จากนั้นขยี้นิ้วมือที่แดงก่ำของตนแรงๆ
บริเวณที่มีแผลจากความเย็นทั้งเจ็บทั้งคัน
เขาออกแรงเยอะมาก จวบจนรู้สึกว่ามือฉีกเป็นแผล เลือดใกล้จะทะลักออกมา แววตาเขาจึงหม่นลงและหยุดการกระทำ
สองคนวุ่นวายไปมาเช่นนี้ โดยไม่รู้ตัวรถม้าก็มาถึงจวนเซวียนอ๋อง
หลีซูซูมิได้สังเกตความผิดปกติของเขา เมื่อครู่ตนหาเรื่องทำให้ตนเองตกใจ บัดนี้ไม่นึกอยากอยู่ในสถานที่เดียวกับเขาแม้แต่น้อย จึงรีบกระโดดลงจากรถม้า
ชุนเถาที่อยู่ด้านข้างรถม้าที่กำลังจะเข้ามาประคองหลีซูซูตกใจสะดุ้ง “คุณหนู!”
“ข้าไม่เป็นไร”
“ร่างกายของคุณหนูสามสกุลเยี่ยหายดีเร็วถึงเพียงนี้เชียว?”
สุ้มเสียงเจือแววหัวเราะเสียดสีดังขึ้น หลีซูซูเหลือบตามองไปก็เห็นบุรุษผู้หนึ่งที่ครอบเกี้ยวหยกกำลังมองตนด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
เครื่องหน้าของเขาเป็นระเบียบ ร่างกายเจือกลิ่นอายของตำรา แต่มองปราดเดียวกลับดูออกว่าเขาไม่เหมือนปัญญาชนคร่ำครึสักเท่าไร ดวงตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยแววไม่ยอมจำนน คล้ายว่าหากมอบแส้เส้นหนึ่งให้เขา เขาอาจเฆี่ยนหลีซูซูจนเกลือกกลิ้งไปทั่วพื้นได้
ในใจหลีซูซูผุดชื่อหนึ่งขึ้นมาทันที ผังอี๋จือ