ห้าร้อยปีให้หลัง ในสามพิภพมีผู้บำเพ็ญหญิงผู้หนึ่งงามล้ำเลิศจนเทพมารเห็นแล้วเหม่อลอย แม้แต่เผ่าจิ้งจอกเห็นแล้วยังหมายปอง
ผู้บำเพ็ญหญิงที่มีร่างทิพย์แต่กำเนิด นั่นเป็นความงามที่ต่อให้ผ่านไปพันหมื่นปี โลกมนุษย์ก็ไม่มีทางได้พบเห็น
ต่อให้โลกใบนั้นจะปั่นป่วนโกลาหล แต่ทั่วทั้งแปดดินแดน แม้กระทั่งเผ่ามารที่เพิ่งถือกำเนิดยังรู้ว่าหากจะประชันความงาม แม้แต่เทพธิดาสมัยบรรพกาลที่แตกดับไปแล้ว ยังมิอาจสู้ผู้บำเพ็ญหญิงในสำนักเหิงหยางที่น้อยครั้งจะเหยียบย่างออกจากประตูสำนักผู้นั้นได้
นางมีนามว่าหลีซูซู
พวกเขายังเคยสันนิษฐานกันด้วยความคิดอันต่ำช้าว่า…สาเหตุที่จอมมารไม่ฆ่าหลีซูซู คงมิใช่ดูออกว่าเด็กหญิงในวัยเยาว์เป็นร่างที่สามารถพัฒนาไปได้สูงยิ่ง ตั้งใจรอให้นางเติบใหญ่และชิงตัวมาทำเป็นกระถางยาของตนกระมัง
หลีซูซูเผชิญหน้ากับร่างดั้งเดิมของตนเอง เห็นใบหน้าเจือความบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ของโฉมงามอันเป็นเหตุแห่งหายนะนับร้อยปีทุกเมื่อเชื่อวัน ย่อมไม่มีทางตกตะลึงกับรูปโฉมของเยี่ยปิงฉางอยู่แล้ว
ปกติแล้วระดับความหน้าตาดีของผู้คนในโลกบำเพ็ญเพียรสูงจนไม่น่าเชื่อ เด็กสาวที่หน้าตาดีกว่าเยี่ยปิงฉางสามารถพบเห็นได้ไม่น้อย
หลีซูซูมองผังอี๋จือที่สีหน้าทั้งเหม่อลอยและอ้างว้าง นึกอะไรได้จึงหันไปมองถานไถจิ้นข้างกายโดยไม่รู้ตัว
เด็กหนุ่มกำลังหลุบตา รู้สึกว่ามีคนมองตน จึงประสานสายตากับหลีซูซูด้วยความฉงน
หลีซูซูเบนสายตาออกไปอย่างหมดสนุก
ก็ได้ เดิมทีคิดว่าเด็กหนุ่มชั่วร้ายข้างกายจะจ้องเยี่ยปิงฉางไม่วางตาเช่นกันเสียอีก สุดท้ายเขากลับห้ามใจตนเองได้ดีถึงเพียงนี้ เป็นเพราะกลัวนางจะทุบตีเขาหรือไม่นะ
ตอนนี้เยี่ยปิงฉางเป็นสตรีเพียงผู้เดียวในเรือนหลังของเซียวหลิ่น นั่งอยู่ข้างหลังเซียวหลิ่น นางผงกศีรษะให้แม่ทัพใหญ่เยี่ยอย่างอ่อนโยน “ท่านพ่อ”
เยี่ยเซี่ยวพยักหน้านิดๆ ตาพยัคฆ์ถลึงมองบุตรีคนเล็กที่กินเฉ่าเหมยอยู่ข้างหลัง
“ซีอู้!”
หลีซูซูปากกัดเฉ่าเหมยไปได้ครึ่งผลก็รีบกลืนลงไป
ทราบแล้วๆ! ต้องแบกหม้อขอขมา ข้าชำนาญแล้วล่ะ!
หลีซูซูลุกขึ้น ย่อกายให้เยี่ยปิงฉาง เอ่ยด้วยน้ำเสียงเก้อกระดาก “พี่หญิงใหญ่ ข้าขออภัย งานเลี้ยงในวังก่อนหน้านี้ ซีอู้ไม่ควรผลักท่าน ซีอู้ขอขมาท่าน ณ ที่นี้ ขอท่านโปรดอภัยด้วย”
เยี่ยปิงฉางอึ้งงันไป ก่อนจะยิ้มตอบ “มิเป็นไร พวกเราพี่น้องเล่นสนุกกัน ข้ารู้ว่าน้องหญิงสามไม่ได้เจตนา” นัยน์ตาชุ่มชื้นของนางมองประเมินหลีซูซูอย่างอ่อนโยน เอ่ยอย่างปลาบปลื้มว่า “น้องหญิงสามโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว”
นางใจกว้างถึงเพียงนี้ กลับเหนือความคาดหมายของหลีซูซู ดูเหมือนพี่หญิงใหญ่ที่เจ้าของร่างเดิมเกลียดชังยิ่งกว่าสิ่งใดกลับเป็นคนที่จัดว่าไม่เลวทีเดียว
ตรองดูเช่นนี้แล้ว ความสงสัยในใจหลีซูซูสลายไปหลายส่วน ความละอายใจกลับชัดเจนยิ่งขึ้น เยี่ยปิงฉางหน้าตาอมโรคจริงๆ ภายใต้เครื่องประทินโฉมมองออกรางๆ ว่านางไม่สบาย
เป็นไปตามที่คิด งานเลี้ยงหลังจากนั้นนางมักใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากและส่งเสียงไอเบาๆ
สาวใช้เสี่ยวฮุ่ยประคองเยี่ยปิงฉาง “พระชายา ท่านอภัยให้คุณหนูสามสกุลเยี่ยง่ายดายเช่นนี้ ทั้งที่วันนั้นนางจงใจชัดๆ…”
เยี่ยปิงฉางมุ่นคิ้วเอ็ดเสียงเบา “เสี่ยวฮุ่ย ห้ามพูดมาก”
เสี่ยวฮุ่ยปิดปากหน้าเจื่อน
สมัยที่ยังไม่ออกเรือนคุณหนูสามก็มักรังแกคุณหนูใหญ่ บัดนี้คุณหนูใหญ่มีที่พึ่งแล้ว กลับยังต้องถอยให้คุณหนูสามครั้งแล้วครั้งเล่า
เยี่ยปิงฉางถอนใจเบาๆ มองเด็กสาวที่สวมเสื้อตัวสั้นกับกระโปรงสีแดงอมส้มข้างหลังแม่ทัพใหญ่เยี่ย
หวังว่าน้องหญิงสามจะเติบใหญ่แล้วจริงๆ
* ความหมายของคำนี้คือ แม้จะเข้าใจหลักการอันยิ่งใหญ่ในโลกหล้า แต่ยังคงไม่ละเลยรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของสรรพสิ่ง
* กิ่งมะกอก ใช้เป็นสัญลักษณ์แทนความสันติ
* สวมหมวก คือพิธีแสดงความเป็นผู้ใหญ่ของชายที่อายุครบยี่สิบปีในสมัยจีนโบราณ
* เฉ่าเหมย คือสตรอเบอรี่
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 9 ต.ค. 65 เวลา 12.00 น.