เนื่องจากการประชุมช่วงเช้ายืดเยื้อหญิงสาวเลยไม่มีเวลากินมื้อเที่ยงก่อนมาที่ตึกนี้ หลังลงจากรถไฟฟ้าแล้วเธอเลยแวะร้านสะดวกซื้อ ซื้อซาลาเปาลูกหนึ่งมากินแทนข้าวเที่ยง แน่นอนว่ามันไม่อยู่ท้องเท่ากับกินข้าวจริงๆ แต่เธอก็คิดว่าดีกว่าไม่ได้กินอะไร และปกติถ้าได้กินอะไรไปบ้างกระเพาะของเธอก็จะไม่แสดงอาการประท้วงหนักแบบนี้ด้วย
“สเต๊กที่นี่ใช้ได้ สปาเกตตี้ครีมปูก็ดี แล้วก็มีก๋วยเตี๋ยวหลอด หรือถ้าอยากกินข้าวก็เมนูข้าวแกงกะหรี่หมูทอดที่ผมสั่งไป ผมกินบ่อย”
“เอาข้าวแกงกะหรี่ก็ได้ค่ะ”
“งั้นเอาข้าวแกงกะหรี่สองจาน แล้วก็เอาพิต้าพิซซ่าไก่บาร์บีคิวมาด้วย” ชายหนุ่มหันไปบอกบริกรพร้อมกับส่งเมนูอาหารคืน และเมื่ออีกฝ่ายผละไปแล้วเขาก็เบนความสนใจกลับไปหาเธอ “เราคุยงานกันเลยดีไหม เผื่อคุยเสร็จเร็วจะได้กินข้าวกันสบายๆ”
“ค่ะ” จิระประไพรับคำแล้วรีบหันไปเปิดกระเป๋าซึ่งวางอยู่บนเก้าอี้ตัวข้างๆ อย่างรวดเร็ว ไอร้อนตรงแก้มจางลงไปบ้างแล้ว ขณะที่ความตระหนักรู้ค่อยๆ หลั่งไหลเข้ามา
เมื่อครู่ชายหนุ่มชวนเธอกินข้าวเป็นเพื่อน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาได้ยินเสียงท้องร้องของเธอหรือเปล่า ทว่าเขาก็ทำประหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น หนำซ้ำยังช่วยแก้สถานการณ์ไม่ให้เธอต้องอับอายได้ดียิ่ง
กานต์บอกว่าพัชรใจดีกับคนที่อยากดีด้วย ซึ่งเธอก็ไม่นึกเลยว่าตนเองจะอยู่ในกลุ่มที่ว่าด้วย นอกจากนี้เขายังสุภาพและฉลาดมากด้วย…พูดตามจริง ต่อให้มีสองสมองเธอก็ไม่คิดว่าตนเองจะสามารถคิดหาทางแก้ไขสถานการณ์ได้ดีเท่าที่เขาทำเมื่อครู่ ทว่าเธอก็ยังไม่อยากเข้าใกล้เขามากเกินไปอยู่ดี
ใบหน้าหล่อเหลาเรียบนิ่ง มัณฑนากรสาวสบตากับชายหนุ่มนิดหนึ่งก่อนจะเปิดหน้าจอแท็บเลตให้เขาดูภาพตัวอย่างงานออกแบบ
“จีเลือกลองทำห้องรับแขกก่อนเพราะคิดว่ามันเป็นจุดศูนย์กลางของบ้าน การออกแบบส่วนอื่นๆ ของบ้านหลังจากนี้จะใช้ห้องรับแขกเป็นเรเฟอเรนซ์ค่ะ” จิระประไพอธิบายขณะวางแท็บเลตลงตรงกลางโต๊ะ “ลองทำมาสามแบบค่ะ ยังไงคุณลองดูก่อนนะคะ”
พัชรยกแท็บเลตขึ้นไปดู นิ้วยาวปัดเลื่อนดูภาพสามมิติทั้งสามภาพที่เธอพูดถึง และเขาก็สังเกตเห็นอย่างรวดเร็วว่าแม้แต่ละภาพที่เขาดูจะมีสไตล์การออกแบบที่แตกต่างกัน ทว่ามันก็มีจุดร่วมอย่างหนึ่งคือมู้ดอบอุ่นนุ่มนวลกว่าการตกแต่งเดิมที่เขาบอกเธอว่าเหมือนโชว์รูม ไม่ว่าจากโทนสีหรือองค์ประกอบภายในห้อง ที่สำคัญคือมันแตกต่างจากห้องรับแขกเดิมจนถ้าไม่บอกก็ไม่รู้เลยว่าเป็นพื้นที่เดียวกัน ซึ่งนั่นทำให้เขาพอใจอย่างยิ่ง
ถือว่าเธอทำงานใช้ได้…
“แบบแรกดูหนักและคอนเซอร์เวทีฟไป ส่วนแบบที่สองก็เหมือนรีสอร์ตไปหน่อย…แบบที่สามกำลังดี”
“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับ มันเป็นงานแบบร่วมสมัยที่เธอใส่ความเป็นสเปนลงไปด้วย และที่สำคัญคือเน้นใช้โทนสีที่สว่างขึ้น บวกกับงานไม้ ซึ่งต่างกับการตกแต่งเดิมที่ใช้โลหะแบบสมัยใหม่ “แล้วมีตรงไหนที่คุณอยากให้ปรับไหมคะ โทนสี เฟอร์นิเจอร์…”
“คุณก็ใช้โทนสีฟ้าที่ผมชอบแล้ว ส่วนเฟอร์นิเจอร์…เอาเป็นว่าขอให้มันใช้งานได้จริง ไม่ใช่แค่สวย อย่างโซฟาก็ขอให้นั่งสบายอะไรทำนองนั้น” ดวงตาคมหลุบลงมองภาพบนหน้าจออีกครั้ง
“ค่ะ” จิระประไพรับคำหนักแน่น นั่นเป็นหลักที่เธอยึดถือเสมอในยามทำงานตกแต่งภายใน โดยเฉพาะเมื่อเป็นบ้านที่พักอาศัยด้วย “ถัดจากนี้มีภาพจากงานตกแต่งเก่าๆ ด้วย ถ้ายังไงคุณจะเปิดดูไหมคะ เผื่อจะเจออะไรที่ชอบ”
“อืม” ชายหนุ่มส่งเสียงรับในลำคอ ขณะเดียวกันก็ตวัดสายตาไปมองจานพิต้าพิซซ่าที่บริกรนำมาวางเสิร์ฟ จากนั้นเขาก็พยักพเยิด “คุณกินเลย เดี๋ยวผมเปิดดูเอง”
มัณฑนากรสาวพึมพำรับเบาๆ จากนั้นก็หยิบช้อนส้อมโดยดี ไม่คิดจะลีลาใดๆ เพราะอย่างไรเขาก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าตอนนี้เธอหิวจัด…ถ้านับจากวันแรกที่เจอกันจนถึงตอนนี้ก็ต้องบอกว่าพัชรไม่ใช่ลูกค้าเรื่องมากเลย อันที่จริงออกจะ ‘น้อย’ เกินไปด้วยซ้ำ ขอแค่งานสวยถูกใจและไม่ซ้ำเดิมก็พอ ดูทรงแล้วถ้าจะปิดจ็อบให้เร็วก็คงพอได้ แต่สุดท้ายเธอก็ทำไม่ลง ไม่ว่าอย่างไรเธอก็อยากให้งานออกมาดี และให้ลูกค้าได้มีบ้านที่เขาสามารถใช้ชีวิตด้วยความพึงพอใจสูงสุด
หวังว่ามันจะไม่เป็นการหาเรื่องใส่ตัวแล้วกัน
โปรดติดตามตอนต่อไป…