บทที่ 5 น้าชายกับหลานสาว
จิระประไพชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อเดินเข้าไปในบ้านหลังงามแล้วพบกับความว่างเปล่า เฟอร์นิเจอร์ถูกขนย้ายออกไปเกือบทั้งหมดแล้ว แม้อันที่จริงเธอจะทราบตั้งแต่แรกว่าตอนนี้เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ถูกขนไปเก็บในโกดังระหว่างอยู่ในขั้นตอนตามหาเจ้าของใหม่ ส่วนที่เหลืออยู่ในบ้านไม่กี่ชิ้นคือพวกที่มีเจ้าของใหม่แล้วแต่ยังไม่ถูกขนไป เมื่อครู่ตอนเจอลุงทอมกับป้าตุ๊ก ทั้งสองก็บ่นให้ฟังว่าบริษัทขนย้ายนัดว่าจะมาเมื่อเที่ยง ทว่าจนบ่ายแก่ก็ยังไม่โผล่มา ไม่รู้สุดท้ายวันนี้จะมาไหม
หญิงสาวกวาดตามองไปรอบห้องรับแขกกว้าง จากนั้นก็เลือกนั่งลงบนพื้นตรงกลางห้อง การทำงานเป็นมัณฑนากรทำให้เธอได้พบเจอคนหลากหลาย บางคนในจำนวนนั้นพยายามทุกทางที่จะเก็บภาพอันงดงามในใจตนเอาไว้ ขณะที่บางคนอย่างเช่นพัชรก็ทำทุกอย่างเพื่อลบภาพเก่าทิ้งให้ราบคาบ
มันก็น่าแปลกดี…
จิระประไพปล่อยทั้งอารมณ์และความคิดให้ล่องลอย วันนี้เธอเหนื่อยมาก เมื่อเช้าเธอไม่ได้เข้าออฟฟิศแต่ตรงดิ่งจากบ้านไปประชุมเลย มันเป็นการประชุมที่หนักหนาหนักหน่วงเอาเรื่อง เพราะเป็นโปรเจ็กต์ห้างสรรพสินค้าระดับนานาชาติ ตัวแทนผู้บริหารจากบางบริษัทถึงขั้นบินตรงมาจากสิงคโปร์แบบเช้าเย็นกลับเพื่อร่วมประชุมนัดนี้โดยเฉพาะด้วยซ้ำ งานนี้เป็นงานใหญ่ อาชวินกับวีรากรถึงกับเข้าร่วมการประชุมนี้ด้วยกันทั้งที่ปกติจะแยกกันทำงาน ตัวเธอนั้นถูกเลือกมาร่วมโปรเจ็กต์นี้ส่วนหนึ่งเพราะความสามารถทางภาษาจากการที่เธอเรียนโรงเรียนอินเตอร์มาตั้งแต่เด็ก
เนื่องจากมีผู้เกี่ยวข้องจำนวนไม่น้อย การตกลงรายละเอียดในเรื่องต่างๆ จึงค่อนข้างยุ่งยากซับซ้อน ถึงจะเริ่มประชุมตั้งแต่เช้า ทว่ามันก็ลากยาวมาจนบ่ายแก่ พอออกจากห้องประชุมแล้วเธอก็แยกตัวจากเจ้านายมายังบ้านของพัชร แม้เมื่อครั้งก่อนที่มาบ้านนี้จิระประไพจะสำรวจบ้านค่อนข้างละเอียดแล้วแต่ก็ยังมีรายละเอียดบางอย่างที่เธอต้องมาตรวจสอบซ้ำ เช่นวัสดุปูพื้นที่ซ่อนอยู่ใต้พรม เธอไม่ได้อยากรื้อทำลายทุกสิ่ง อะไรที่ใช้ได้ถ้าเก็บไว้ก็สามารถประหยัดทั้งงบประมาณและเวลา ต่อให้เจ้าของบ้านจะไม่ค่อยสนใจอย่างแรกเท่าไหร่ก็ตาม
งานบ้านพัชรไม่คืบหน้าเท่าไหร่ หลักๆ เพราะเธอติดงานอื่นที่เร่งมากกว่า อย่างไรเสียงานนี้ก็เป็นงานแทรก ที่สำคัญยังไม่มีการกำหนดเวลา เท่าที่รู้มีการเซ็นสัญญาเกี่ยวกับการจัดการเฟอร์นิเจอร์แล้ว ทว่าสัญญาเกี่ยวกับงานออกแบบน่าจะมีการแก้ไขบางอย่าง แต่เรื่องนั้นเป็นภาระของอาชวิน ส่วนที่เธอต้องสนใจคืองานออกแบบ ซึ่งพัชรก็ดูไม่ได้รีบมาก แค่ขนเฟอร์นิเจอร์เก่าออกไปเขาก็ดูพอใจแล้ว เพียงแต่เป็นตัวเธอเองที่อยากเร่งให้งานนี้จบ เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องพัวพันกับพวกภักดิ์โภคินนานนัก…ถึงพัชรจะดูเป็นคนดีใช้ได้ก็เถอะ
สุดท้ายจิระประไพก็ไม่ค่อยได้อะไรจากการนั่งคุยงานควบกินข้าวกับชายหนุ่มเท่าไหร่ มีแค่รายละเอียดเพิ่มเติมนิดหน่อยเกี่ยวกับการที่เขาตั้งใจจะทำห้องให้หลานสาววัยรุ่น เมื่อพิจารณาจากการที่เขาบังเอิญชอบงานออกแบบสไตล์ที่เธอถนัดและชื่นชอบเป็นการส่วนตัว หญิงสาวเลยตัดสินใจว่าจะตกแต่งที่นี่เหมือนเป็นบ้านของตัวเองเสียเลยเพื่อให้ง่ายเข้า
ว่าแต่…เธอคงจะต้องขอคุยกับหลานสาวเขาสักหน่อยล่ะมั้งว่าอยากได้ห้องแบบไหน
ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นโทรศัพท์ของเธอก็ส่งเสียงร้องบอกว่ามีข้อความถูกส่งเข้ามาเป็นชุด เธอเลยเปิดกระเป๋าสะพายที่วางอยู่ข้างตัวเพื่อหยิบมันขึ้นมาดู ครั้นเห็นชื่อว่าศิวนาถเป็นผู้ส่งข้อความเธอก็นิ่งไปนิดหนึ่ง
‘เป็นไงบ้างจี…’
‘เย็นนี้ว่างไหม…’
‘เผื่อจะได้เจอ…’