เดิมครอบครัวทางฝ่ายพ่อทำธุรกิจแบบกงสี ญาติพี่น้องทำงานร่วมกันเกือบทุกคนมาสองรุ่นแล้ว ถึงจะมีความขัดแย้งกันไม่น้อยแต่กิจการก็รุ่งเรืองดี จนกระทั่งมีเหตุที่ธุรกิจของสินธุนานนท์กลายเป็นคู่แข่งของพวกภักดิ์โภคิน และไม่ว่าตอนนั้นใครจะมีส่วนในการตัดสินใจให้ ‘ชน’ ผลก็คือ ‘พัง’ พอธุรกิจของตระกูลล้ม สมาชิกส่วนใหญ่ก็แทบหมดเนื้อหมดตัว หนำซ้ำหลังจากนั้นความเป็นญาติพี่น้องยังแตกเป็นเสี่ยง เนื่องจากแต่ละคนล้วนพยายามกล่าวโทษกันไปมา จนทุกวันนี้รอยร้าวนั้นก็ยังคงอยู่
ครอบครัวของจิระประไพได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรุนแรงไม่แพ้ครอบครัวอื่นๆ ยังโชคดีที่อรพินมีนิสัยชอบเก็บออมและมีฝีมือด้านการทำอาหาร ดังนั้นสุดท้ายจึงสามารถย้ายเข้ามาอยู่ในอาคารพาณิชย์แห่งนี้และเปิดร้านอาหารได้ แต่กระนั้นชีวิตในช่วงนั้นก็ถือว่าลำบากอยู่ดี ส่วนหนึ่งเนื่องจากโลกทั้งใบเหมือนพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ดีที่เธอไม่ใช่พวกยึดติด และพ่อแม่ก็ไม่ใช่คนจมไม่ลง ไม่งั้นทุกอย่างคงยากกว่านี้มาก
หญิงสาวช่วยพ่อแม่ทำงานในร้านอาหาร เธอจำต้องตัดใจจากความฝันเดิมที่ตั้งใจจะไปเรียนด้านการออกแบบที่ต่างประเทศ นอกจากนั้นจิระประไพก็ทำงานพิเศษเท่าที่ทำได้เพื่อแบ่งเบาภาระพ่อแม่ ใช้เวลาหลายปีกว่าทุกอย่างจะเริ่มลงตัวและสมาชิกสามชีวิตในครอบครัวของเธอสามารถกลับมาใช้ชีวิตแบบสบายมากขึ้น พอเข้าช่วงท้ายๆ ของการเรียนมหาวิทยาลัยพ่อแม่ก็สั่งให้เธอเลิกช่วยงานที่ร้านเพื่อจะได้มีเวลาทำโปรเจ็กต์จบเต็มที่ ส่วนพวกท่านก็จ้างลูกจ้างมาช่วยงานแทน แต่เธอก็ยังช่วยท่านอยู่บ้างในยามว่าง
ตอนนี้จิระประไพเรียนจบและทำงานมาหลายปีแล้ว แต่พ่อแม่ก็ไม่เคยรับเงินจากเธอสักบาท ท่านบอกว่าตั้งใจอยากให้เธอตั้งตัวได้อย่างมั่นคง และในเมื่อเธอหาเงินได้เองแล้ว นับจากนี้พวกท่านก็จะทำงานเพื่อเตรียมการเกษียณของตัวเอง เพื่อที่ยามพวกท่านแก่ตัวไปจะได้รบกวนเธอให้น้อยที่สุด เพราะการที่ลูกคนเดียวจะเลี้ยงดูพ่อแม่สองคนคงไม่ง่าย โดยเฉพาะในวันข้างหน้าซึ่งค่าใช้จ่ายอาจพุ่งสูงจนรายได้ตามไม่ทัน
จิระประไพรู้สึกว่าตนเองโชคดีมาก จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่ทุกครอบครัวที่จะกลับมาตั้งต้นใหม่ได้เหมือนครอบครัวของเธอ บางคนคั่งแค้นมาจนถึงวันนี้ บางคนถึงขั้นตรอมใจตายด้วยซ้ำ ขณะที่พ่อแม่เธอไม่เคยแบกความโกรธแค้นเอาไว้ ท่านไม่ได้ขุ่นเคืองทางฝั่งภักดิ์โภคินและมองว่ามันเป็นเหมือนอุบัติเหตุครั้งหนึ่ง ไม่มีใครอยากให้มันเกิด แต่มันก็เกิดขึ้นได้
‘ชีวิตคนมีดีมีแย่น่ะลูก บางทีทั้งสองอย่างก็เกิดขึ้นเพราะการกระทำของเรา บางทีก็เกิดขึ้นแบบไม่มีเหตุผลเลย แต่ไม่ว่ายังไงพอมันเกิดขึ้นแล้วเราก็ต้องรับมือกับมันให้ได้’
ถึงพ่อแม่จะมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับธุรกิจของสินธุนานนท์เป็นอุบัติเหตุ แต่สำหรับหญิงสาวมันคือการตัดสินใจที่ผิดพลาด และบังเอิญเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ พลาดครั้งเดียวจึงล้มทั้งกระดาน มันเกิดจากความมั่นใจผิดๆ ซึ่งเกิดขึ้นได้กับทุกคน ที่คิดแบบนี้เพราะพอโตขึ้นมาแล้วเธอมีโอกาสได้ยินข่าวเกี่ยวกับพวกภักดิ์โภคินอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ยักได้ยินว่าคู่แข่งของพวกเขาถูกลบออกจากสารบบธุรกิจ ส่วนใหญ่ก็เป็นแค่การแข่งขันกันตามปกติ และเธอก็พอจะจับใจความจากบทสนทนาในอดีตได้ว่ามันน่าจะเพราะความมั่นใจที่มากเกินไปของพวกลุงป้าน้าอานี่เอง
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือฉุดให้หญิงสาวหันไปมอง พอเห็นคำว่าพ่ออยู่บนหน้าจอเธอก็หยิบมันมากดตัดสาย รับรู้ว่าพ่อโทรขึ้นมาเป็นสัญญาณบอกว่าข้าวเย็นเสร็จแล้ว เธอเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนังแล้วก็เพิ่งตระหนักว่าตนเองนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยนานทีเดียว
เอาเถอะ แค่นี้แหละ พรุ่งนี้ก็ไปที่บ้านของนายพัชรอะไรนั่นแล้วก็ทำงาน จบแค่นั้น
โปรดติดตามตอนต่อไป…