หญิงรับใช้อาวุโสเห็นเผยฉู่เยวี่ยร้อนใจดั่งถูกไฟแผดเผา รู้ว่าไม่อาจเกลี้ยกล่อมแล้วจึงตอบไปตามความสัตย์ “ยามซื่อ* ท่านเสนาบดีกับคุณชายใหญ่ถูกพาตัวไป ตอนนี้ถูกคุมขังอยู่ที่คุกนครบาล ฮูหยินกำลังระดมสหายเก่า หมายจะพาท่านเสนาบดีกับคุณชายใหญ่ออกมา ทว่าในห้วงเวลานี้ทุกบ้านทุกช่องล้วนอกสั่นขวัญผวา ผู้ที่จะช่วยเหลือได้มีไม่มากนัก”
เผยฉู่เยวี่ยยิ่งฟังหัวใจก็ยิ่งจมดิ่ง ตอนไหลจวิ้นเฉินเพิ่งโดดเด่นขึ้นมาในราชธานีตะวันออก นางไม่ได้ยี่หระ ก็แค่ชาวบ้านสามัญผู้หนึ่ง ชั่วชีวิตล้วนเอื้อมไม่ถึงธรณีประตูของสกุลเผย จะใส่ใจไปทำอันใด ต่อมาไหลจวิ้นเฉินจับกุมขุนนางทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับอ๋องเจ้าศักดินาต่างเมือง นางก็ยังไม่ยี่หระ สกุลเผยของนางคือตระกูลขุนนางใหญ่เชียวนะ ขุนนางขั้นหกขั้นเจ็ดพวกนั้นตายไปเกี่ยวอันใดกับนางเล่า ต่อมาไหลจวิ้นเฉินทำคดีบรรดาอ๋องสกุลหลี่ ท่านอ๋องกับองค์หญิงคนแล้วคนเล่าถูกสอยร่วง นางก็ยังคงไม่ยี่หระ สกุลเผยของนางไม่ใช่เชื้อพระวงศ์สักหน่อย กลัวอันใดกัน
ในที่สุด…ความกระหายของไหลจวิ้นเฉินก็ถูกบ่มเพาะจนเบ่งพองขึ้นทุกที รสชาติของการได้ไต่ขึ้นฟ้าในก้าวเดียวนี้ชวนหลงใหลเหลือเกิน เขาพลันพบว่าดูเหมือนเชื้อพระวงศ์กับชนชั้นสูงที่เคยอยู่เหนือใครเหล่านั้นไม่อาจนับเป็นอันใดได้ ยามอยู่ใต้เงื้อมมือของเขาก็ล้วนไม่มีเรี่ยวแรงจะตอบโต้สักนิด
นานวันเข้าการจับกุมขุนนางเล็กจ้อยทั่วไปก็ทำให้ไหลจวิ้นเฉินพึงพอใจไม่ได้อีก สายตาของเขามองสูงขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายจึงยื่นมือมาหาวงศ์ตระกูลใหญ่โตอย่างสกุลเผย
เผยฉู่เยวี่ยนั่งนิ่งบนตั่งนุ่มพักใหญ่ เพียรทำให้ตัวนางเองเยือกเย็น ท่านแม่กับท่านย่าของนางมีสายสัมพันธ์มิตรสหายแข็งแกร่งกว่านางมาก หากแม้แต่ท่านแม่ก็หาคนช่วยไม่ได้ ตัวนางเองยิ่งไม่มีทาง แล้วนอกจากเรื่องพวกนี้แล้วนางยังพอจะทำสิ่งใดที่ท่านแม่ทำไม่ได้บ้างหรือไม่…
เผยฉู่เยวี่ยดวงตาสว่างวาบ นางนึกออกแล้ว…องค์หญิงก่วงหนิง! ขุนนางธรรมดาไม่กล้าทูลขอความเมตตาจากฮ่องเต้ ทว่าองค์หญิงก่วงหนิงนั้นแตกต่าง บัดนี้องค์หญิงก่วงหนิงแต่งให้เว่ยอ๋อง สองคนนี้ผู้หนึ่งเป็นบุตรีที่ฮ่องเต้รักใคร่ตามใจที่สุด อีกผู้หนึ่งก็เป็นหลานชายที่ฮ่องเต้เห็นสำคัญที่สุด หากสองคนนี้เอ่ยปาก ฮ่องเต้จะมีเหตุผลใดไม่ตอบรับ
เผยฉู่เยวี่ยรีบยืนขึ้น สั่งการจะออกไปข้างนอก “รีบเตรียมรถม้า ข้าจะไปจวนเว่ยอ๋อง”
บ่าวรอบด้านฟังแล้วตื่นตระหนก หญิงรับใช้อาวุโสที่สกุลเผยส่งมาแจ้งข่าวกล่าวอย่างร้อนรน “คุณหนูเจ้าคะ ท่านต้องใจเย็นไว้ บัดนี้องค์หญิงก่วงหนิงคือชายาเว่ยอ๋อง เชื้อพระวงศ์สกุลอู่พวกเราตอแยไม่ไหว ฮูหยินได้ไปหาคุณชายบ้านท่านเขยแล้ว รออีกสักครู่ทางคุณชายบ้านท่านเขยอาจจะมีหนทาง”
คุณชายบ้านท่านเขย…เผยฉู่เยวี่ยชะงัก “พี่กู้?”
“ใช่เจ้าค่ะ” หญิงรับใช้อาวุโสกล่าว “เขาเป็นคนเที่ยงธรรมและเป็นที่ไว้วางพระทัยของฝ่าบาทมาก หากเขาช่วยไม่ได้ก็ขอให้พูดกับองค์หญิงเซิ่งหยวนสักคำ ให้องค์หญิงเซิ่งหยวนออกหน้า เรื่องของท่านเสนาบดีกับคุณชายใหญ่จะต้องคลี่คลายได้อย่างแน่นอน”
ได้ยินชื่อนี้อีกคราเผยฉู่เยวี่ยรู้สึกราวกาลเวลาผ่านมาแล้วหลายสิบปี นับแต่นางออกเรือนมา พลังใจได้ถูกมารดาของสามี ตัวสามีเอง รวมถึงบ่าวไพร่ยึดครองไปจนสิ้น น้อยนักจะใส่ใจเรื่องภายนอก กู้หมิงเค่อคล้ายมีชีวิตอยู่บนโลกอีกใบ เขากับนาง…ผู้หนึ่งอยู่บนฟ้า ผู้หนึ่งอยู่บนดิน ไม่มีจุดบรรจบกันอีก
เผยฉู่เยวี่ยได้ยินว่ามารดาตั้งใจไปขอให้กู้หมิงเค่อกับหลี่เจาเกอช่วยเหลือ ไม่รู้เพราะเหตุใดความโกรธจึงปะทุขึ้นมา “ไม่ต้องให้นางมาช่วย ข้าก็มีหนทาง พวกเจ้า! จงเตรียมรถม้า ไปจวนเว่ยอ๋อง”
เผยฉู่เยวี่ยพกพาความคาดหวังมาหาหลี่ฉังเล่อ ทว่าหลังจากหลี่ฉังเล่อฟังจบ เนิ่นนานกลับไม่พูดจา
หัวใจของเผยฉู่เยวี่ยค่อยๆ ผุดไอเย็นริ้วหนึ่ง นางฝืนข่มมันไว้ มองสหายรักอย่างตั้งใจ “อาเล่อ ตอนนี้มีแต่เจ้าที่ช่วยข้าได้ ท่านแม่กับท่านย่าไปที่จวนว่าการเมืองหลวงกับกรมอาญามาแล้ว แต่เจ้าไหลจวิ้นเฉินนั่นเหมือนสุนัขบ้าไม่มีผิด บอกว่าใครขอความเมตตาให้ผู้ที่ถูกจับกุมก็เท่ากับเป็นพรรคพวกกบฏ บรรดาสหายเก่าจึงไม่สะดวกจะออกหน้า ทว่าเจ้ากับเว่ยอ๋องไม่เหมือนกัน หากเจ้าออกหน้าขอความเมตตาจากฝ่าบาท ฝ่าบาทจะไม่ทรงระแวงเด็ดขาด”
หลี่ฉังเล่อยังคงไม่พูดจา นางกับหลี่ไหวเองล้วนเอาตัวไม่รอด ขืนนางขอความเมตตาให้สกุลเผย เกิดเดือดร้อนมาถึงตัวนางกับหลี่ไหวด้วยจะทำเช่นไรเล่า