จุติรัก พลิกชะตาร้าย
ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 129
พักนี้หลี่ไหวสงบเสงี่ยมเจียมตัว ประกอบกับฮ่องเต้นึกถึงพฤติกรรมเหิมเกริมของอู่หยวนชิ่งกับไหลจวิ้นเฉินตอนที่บุกรุกตำหนักของหวงฉู่คราวก่อนจึงรู้สึกผิดต่อหลี่ไหวไม่มากก็น้อย อีกทั้งหลี่ฉังเล่อก็แต่งให้อู่หยวนชิ่งแต่โดยดีตามพระประสงค์แล้ว ท่าทีที่ฮ่องเต้มีต่อหลี่ไหวจึงผ่อนคลายลงตามลำดับ เมื่อเหล่าผู้ติดตามลองเสนอให้ย้ายหลี่ไหวออกจากตำหนักชั้นใน ฮ่องเต้จึงไม่ได้ปฏิเสธเด็ดขาดอีก ตอนนี้กำลังอยู่ในห้วงสำคัญที่จะช่วยหลี่ไหวออกมา หากช่วงเวลานี้นางขอความเมตตาให้สกุลเผย ซ้ำสกุลเผยยังเป็นตระกูลอดีตคู่หมั้นของนาง ฮ่องเต้จะคิดเช่นไร
หลี่ฉังเล่อตรองไปตรองมายังคงรู้สึกว่ามิตรภาพระหว่างนางกับเผยฉู่เยวี่ยไม่คุ้มค่าพอจะให้เข้าเสี่ยง ว่ากันถึงที่สุดหลี่ไหวต่างหากคือไพ่ใบสุดท้ายที่จะทำให้นางพลิกฟื้นคืนมาได้ ส่วนคนที่เหลือ…ล้วนเป็นสิ่งเกินจำเป็น
หลี่ฉังเล่อเงยหน้าขึ้น เห็นอีกฝ่ายยังคงมองนางด้วยความจริงใจ นางก็หลบสายตาก่อนกล่าว “แต่ไรมาข้าไม่เคยก้าวก่ายการบ้านการเมือง เรื่องภายนอก…ข้าเองก็จนปัญญา”
ลางสังหรณ์ไม่ดีรางๆ ในใจเผยฉู่เยวี่ยได้รับการยืนยัน คนทั้งคนราวถูกน้ำเย็นหนึ่งอ่างสาดซึ่งหน้า หลงนึกว่าหลี่ฉังเล่อไม่รู้เหตุการณ์จึงอธิบายเสริม “อาเล่อ เจ้าเข้าใจผิดแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ของบ้านเมือง แต่มีคนให้ร้ายท่านพ่อกับพี่ใหญ่ว่าคิดกบฏ เจ้ากับพวกเราโตมาด้วยกันแต่เล็ก พี่ใหญ่ข้าเป็นคนอย่างไร เจ้าจะไม่รู้เชียวหรือ บ้านข้าจะคิดกบฏได้อย่างไรกัน เป็นเพราะพวกคนถ่อยข้างนอกนั่นริษยาคนมีความสามารถ ยุแยงตะแคงรั่วเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาท เจ้าไปทูลชี้แจงฝ่าบาทสักหน่อย ฝ่าบาทจะต้องเข้าพระทัยแน่ว่าท่านพ่อกับพี่ใหญ่ข้าถูกคนปรักปรำ”
ส่วนลึกในใจของหลี่ฉังเล่อแค่นหัวเราะ…ฮ่องเต้น่ะหรือจะถูกผู้อื่นตบตา ไม่มีทางเสียล่ะ
เอ่ยถึงเหลี่ยมเล่ห์ เอ่ยถึงการมองคน ใครกันจะมีปัญญาหลอกฮ่องเต้ได้ ไหลจวิ้นเฉินแม้เป็นคนถ่อย ทว่าก็เป็นคนฉลาด เขารู้เสียยิ่งกว่ารู้ว่าใครตอแยได้ ใครตอแยไม่ได้ เขาเล็งเป้าไปที่สกุลเผยอาจได้รับการบอกใบ้เป็นนัยจากฮ่องเต้ด้วยซ้ำ
หากเป็นเช่นนี้จริงหลี่ฉังเล่อก็ยิ่งไม่อาจออกหน้าได้
อีกอย่าง…เมื่อแรกนางวิงวอนเผยจี้อันอย่างต่ำต้อยถึงเพียงนั้น เผยจี้อันกลับเป็นเช่นเหล็กก้อนหนึ่ง ขอยอมตายก็ไม่ขอยอมแต่งกับนาง ตอนนั้นแข็งกร้าวออกปานนั้น ตอนนี้ไฉนถึงนึกมาวิงวอนนางเสียเล่า
หลี่ฉังเล่อกล่าว “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงบิดากับพี่ชาย แต่เรื่องภายนอกข้าไม่เคยสอดมือ จนใจจะช่วยจริงๆ เจ้าวางใจได้ หากสกุลเผยสุจริตใจ ฝ่าบาทจะทรงคืนความบริสุทธิ์แก่เสนาบดีเผยและคุณชายใหญ่เผยแน่นอน”
เผยฉู่เยวี่ยเบิกตาโตมองสหาย แทบจะไม่รู้จักว่าคนตรงหน้าเป็นผู้ใด จึงถามออกไปอย่างไม่อาจเชื่อ “อาเล่อ เจ้าว่าอะไรนะ พวกเราโตมาด้วยกันแต่เล็ก ความผูกพันหลายปีเพียงนี้ แม้แต่คำพูดเป็นธรรมสักประโยคเจ้าก็ไม่ยินยอมช่วยพวกเราถ่ายทอดเชียวหรือ”
ตอนนี้เพิ่งนึกถึงความผูกพันกับข้าขึ้นมาได้หรือ หลี่ฉังเล่อเหยียดยกมุมปากอย่างเย็นชา น้ำเสียงเจือความเคืองแค้นและสาแก่ใจโดยไม่รู้ตัว “หากคุณชายใหญ่เผยไยดีความผูกพันจริงๆ ตอนนั้นคงจะไม่ยอมให้ข้าตกอยู่ในสภาพการณ์เช่นนั้นหรอก เมื่อแรกเป็นเขาที่ทูลขอสมรสพระราชทานจากเสด็จพ่อข้า ต่อมาก็เป็นเขาอีกที่บอกว่าไม่เหมาะสม เห็นข้าเป็นเพียงน้องสาว เขาไม่ถอนหมั้นก่อนหรือหลัง จำเพาะเลือกช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่แคว้นถู่ปัวมาขอแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ ในเมื่อหลายปีเพียงนี้เขาไม่หารือเรื่องแต่งงาน เช่นนั้นก็ไปหาคนที่เขาห่วงหาสิ มาพบข้าอดีตคู่หมั้นที่ถอนหมั้นกันไปแล้ว จะไม่ถูกผู้อื่นครหาหรือไร”
“เจ้า…” เผยฉู่เยวี่ยโกรธจนตัวสั่น กุมท้องน้อย ลุกขึ้นจากพื้นอย่างกินแรง ก่อนเอ่ยด้วยโทสะ “ได้ มิบังอาจรบกวนองค์หญิงก่วงหนิงแล้ว องค์หญิงก่วงหนิง ชายาเว่ยอ๋อง โปรดเสพสุขให้สบายพระทัย หม่อมฉันขอทูลลาประเดี๋ยวนี้”
เผยฉู่เยวี่ยเดินกระฟัดกระเฟียดมุ่งออกไป ประจวบกับนางกำนัลเพิ่งยกขนมสดใหม่เดินเข้ามา กำลังจะทักทายเผยฉู่เยวี่ย กลับถูกเผยฉู่เยวี่ยหน้าบึ้งผลักออกห่าง นางกำนัลอึ้งงัน ตนรับใช้หลี่ฉังเล่อมาหลายปีแทบจะเรียกได้ว่าเห็นหลี่ฉังเล่อกับเผยฉู่เยวี่ยมาจนเติบใหญ่ แม่นางน้อยสองคนนี้สนิทชิดเชื้อกันเสมอมา ไฉนวันนี้ผิดใจกันเสียแล้ว
นางกำนัลเดินเข้ามาถามอย่างฉงนไม่คลาย “องค์หญิงเพคะ เหตุใดคุณหนูเผยไปเสียแล้ว มีคนยั่วโทสะนางหรือ”
หลี่ฉังเล่อแค่นหัวเราะเย็นชาเพียงหนึ่งทีก่อนกล่าว “ข้าวสารหนึ่งเซิงเป็นบุญคุณ ข้าวสารหนึ่งโต่วเป็นความแค้น* ผู้อื่นไม่ช่วยเหลือ นางคิดได้ว่าผู้อื่นมีเหตุจำเป็น แต่พอข้าไม่ช่วยเหลือ นางกลับเห็นข้าเป็นศัตรู สกุลเผยทำผิดต่อข้าตั้งมากมาย ข้าไม่ได้ติดค้างพวกเขาเสียหน่อย คนบ้านนั้นถือดีอะไรจะมาจิกใช้ข้า ปล่อยให้นางไป ไม่ต้องไยดีนาง”
นางกำนัลมีสีหน้าลำบากใจ ขมวดคิ้วคิดจะโน้มน้าวอยู่หลายหนทว่าพูดไม่ออก สุดท้ายจึงทำเพียงถอนใจยาว
หลังจากหลี่ฉังเล่อไล่เผยฉู่เยวี่ยไปก็อารมณ์เสียถึงขีดสุด นางให้คนเรียกตัวนักแสดงมา ตั้งใจจะฟังลำนำแก้กลุ้มสักสองสามเพลง นักแสดงเพิ่งจะเริ่มเปล่งเสียง ด้านนอกก็พลันมีคนผู้หนึ่งวิ่งเข้ามารายงานอย่างลนลาน “องค์หญิง เกิดเรื่องใหญ่ไม่สู้ดีแล้ว ฮูหยินสกุลโจวพอออกจากจวนอ๋องก็รีบเร่งรถม้า ตอนเลี้ยวโค้งจึงหลบไม่พ้น ชนเข้ากับรถม้าอีกคัน ตัวรถของสกุลโจวพลิกคว่ำ ฮูหยินสกุลโจวรักษาเด็กในครรภ์ไว้ไม่ได้ แท้งเสียแล้วเพคะ”
“อะไรนะ” หลี่ฉังเล่อยืนพรวด สีหน้าท่วมท้นด้วยความตื่นตกใจ “นางตั้งครรภ์อยู่?”
ตั้งครรภ์ช่วงสามเดือนแรกไม่เหมาะจะป่าวประกาศ ประกอบกับลักษณะครรภ์ของเผยฉู่เยวี่ยก็ไม่มั่นคง ดังนั้นนอกจากสกุลเผยกับสกุลโจวจึงไม่มีผู้อื่นรู้ว่านางตั้งครรภ์ นางทะเลาะกับหลี่ฉังเล่อแล้วอารมณ์พลุ่งพล่าน เอาแต่เร่งรัดผู้บังคับรถให้รีบไป ผลคือเกิดอุบัติเหตุขึ้นจนได้