หลี่เจาเกอมุ่นคิ้วนิดๆ ไฉนคำบรรยายนี้ฟังดูพิกลๆ ขันทีจนหนทางแล้วจริงๆ จึงสาวเท้ามาถึงข้างกายหลี่เจาเกอแล้วเบาเสียงกล่าว “ทูลองค์หญิงเซิ่งหยวน พักนี้ฝ่าบาททรงกลัดกลุ้ม องค์หญิงก่วงหนิงจึงพาคนที่เชี่ยวชาญการดนตรีผู้หนึ่งมาคลายกลุ้มให้ฝ่าบาท ฝ่าบาทโปรดเขามาก เขาเสนอชื่อพี่ชายของตน ฝ่าบาทก็สนพระทัย จึงให้กระหม่อมพาคุณชายห้าสกุลจางเข้าวังทันที”
หลี่เจาเกอยิ่งฟังยิ่งมีสีหน้าหนักอึ้ง สายตาชำเลืองไปทางจางเยี่ยนจือเล็กน้อย ลอบมองประเมินอีกฝ่าย จางเยี่ยนจือสัมผัสได้ถึงสายตาของนางแล้ว เห็นขันทีกระซิบข้างหูนาง แม้ไม่ได้ยินว่าพูดอันใดบ้าง แต่ดูจากแววตาของนางเกรงว่าคงไม่ใช่คำพูดที่ดีอันใด
จางเยี่ยนจือคิดถึงตรงนี้ก็ยิ้มเยาะตนเอง ฐานะเช่นเขากับน้องชายยังจะเพ้อฝันถึงคำพูดที่ดีอันใดอีกเล่า
หลี่เจาเกอพอจะเดาออกแล้วว่าคนผู้นี้มีฐานะใด ในใจนางยากจะบรรยายด้วยถ้อยคำ จริงอยู่ช่วงท้ายการปกครองของมารดานางในชาติก่อนเคยมีขุนนางสอพลอเสนอชายบำเรอให้ ทว่าชายบำเรอเหล่านั้นไร้สมอง ไม่ได้เรื่องได้ราวอันใดและไม่มีคนใดแซ่จาง นางจำได้ชัดเจนว่าคนที่ได้รับความโปรดปรานที่สุดแซ่เซวีย ทั้งอำพรางอยู่ในคราบภิกษุรูปหนึ่ง นางนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าหลี่ฉังเล่อจะเสนอชายบำเรอให้มารดา
ชายบำเรอที่นำเสนอโดยคนละคนกันย่อมจะต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง ไม่แปลกที่นางไม่รู้จัก นางรู้สึกว่าเรื่องนี้ชอบกลเหลือเกินจริงๆ จึงยังคงระแวงบุรุษผู้นี้ยิ่งนัก หากนี่เป็นเพียงข้ออ้าง แท้ที่จริงเขาหมายจะเข้าวังชั้นในไปลอบปลงพระชนม์เล่าจะทำเช่นไร นางกล่าว “ที่แท้เป็นผู้ที่ฝ่าบาททรงเรียกพบ พอดีข้าก็มีเรื่องจะกราบทูล ไปเสียด้วยกันเถิด”
ขันทีอึ้งงัน “องค์หญิงเซิ่งหยวน…”
ต่อให้ขันทีไม่มียางอายอันใดนัก พบเจอเหตุการณ์เยี่ยงนี้ก็ยังคงรู้สึกกระดาก บุตรสาวคนเล็กเสนอชายบำเรอหมายเลขหนึ่งให้มารดา บุตรสาวคนโตไม่เชื่อ จะจับตาชายบำเรอหมายเลขสองไปจนถึงเบื้องหน้ามารดาด้วยตนเอง นี่มัน…
ขันทีกระอึกกระอัก กลับเป็นจางเยี่ยนจือตอบสนองก่อน เขาคารวะนางพร้อมรอยยิ้มสุภาพ “ได้ร่วมทางกับองค์หญิงเซิ่งหยวนเป็นเกียรติสูงสุดของกระหม่อม องค์หญิง เชิญพ่ะย่ะค่ะ”
หลี่เจาเกอกวาดมองเขาอย่างเฉยเมยก่อนย่างเท้าเดินนำหน้า เขาก็ตามหลังนางไปติดๆ ขันทีปาดเหงื่อบนศีรษะไม่หยุด วันอากาศร้อนกลับรู้สึกเย็นวาบทั้งร่าง สองคนนั้นเดินนำไปแล้ว ขันทีจนหนทาง ได้แต่สาวเท้าไล่ตามไป
มีหลี่เจาเกอเบิกทาง ตลอดเส้นทางย่อมผ่านฉลุย จางเยี่ยนจือเดินไปถึงตำหนักเซวียนเจิ้งได้โดยไม่ต้องผ่านการซักถามใดๆ อีก เมื่อเห็นหลี่เจาเกอคนในตำหนักเซวียนเจิ้งก็ทักทายอย่างคุ้นเคย หลี่เจาเกอได้ยินด้านในมีเสียงดนตรีรางๆ จึงมุ่นคิ้วถามนางข้าหลวงผู้หนึ่งที่มักคุ้นกัน “ข้างในเกิดอะไรขึ้น”
นางข้าหลวงคำนับก่อนตอบ “องค์หญิงก่วงหนิงทรงสนทนาเป็นเพื่อนฝ่าบาท ฝ่าบาทพระอารมณ์เบิกบานจึงรับสั่งเรียกคนมาเพิ่มความสนุกสนานเพคะ”
ฮ่องเต้เลี้ยงนางข้าหลวงกลุ่มหนึ่งไว้ข้างกาย นางข้าหลวงเหล่านี้รู้หนังสือ แต่งกาพย์ขับกลอนได้ ยามปกติพวกนางจะติดตามข้างกายฮ่องเต้ คอยจัดหนังสือรายงาน ยกน้ำชาถวาย ผู้ที่ได้รับความโปรดปรานยังสามารถแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมือง นอกวังหลวงตั้งตู้สำริดไว้ ส่งเสริมให้ราษฎรรายงานข่าวสารถึงฮ่องเต้ ทว่าฮ่องเต้มีงานรัดตัวย่อมไม่มีทางอ่านจดหมายเองทุกฉบับ ดังนั้นนางข้าหลวงเหล่านี้ยังมีหน้าที่อ่านจดหมายจากตู้สำริด เรียบเรียงเนื้อหาในจดหมายของราษฎรเป็นใบรายการนำถวายฮ่องเต้
ฮ่องเต้หมายอาศัยกำลังของนางข้าหลวงตรึงราชสำนักฝ่ายนอก ทว่าอย่างไรเสียสตรีที่มองการเมืองออกยังคงเป็นส่วนน้อย อีกทั้งนางข้าหลวงจำกัดอยู่แต่วังฝ่ายใน เปรียบกับขุนนางบุ๊นบู๋จำนวนมากแล้วขอบเขตยังคงจำกัดนัก กระนั้นไม่ว่าราชวงศ์ใดผู้ที่รับใช้ใกล้ชิดฮ่องเต้ล้วนไม่อาจล่วงเกิน นางข้าหลวงเหล่านี้รายล้อมอยู่ข้างกายฮ่องเต้ทั้งวี่วัน ยาวนานกว่าเวลาที่หลี่เจาเกอได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้มาก หลี่เจาเกอจึงเลือกผูกไมตรีไว้บางคน ยามเกิดเรื่องขึ้นตนเองจะได้ไม่ถึงกับหูหนวกตาบอด
หลี่เจาเกอถาม “ก่วงหนิงมาตั้งแต่เมื่อใด”
“ยามเว่ยสองเค่อ เพคะ” นางข้าหลวงกล่าวจบ สายตาเหลือบผ่านจางเยี่ยนจือเรียบๆ อำพรางความนัยในแววตาไว้เป็นอย่างดี กระนั้นจางเยี่ยนจือกลับยังคงสัมผัสได้
นางข้าหลวงเหล่านี้มีอาภรณ์หรูหราอาหารเลิศรส เคลื่อนไหวอยู่เบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้ มีราศีท่วงทีไม่ด้อยไปกว่าคุณหนูผู้ดีนอกวังเลย พวกนางพินอบพิเทาต่อหลี่เจาเกอ แต่ยามมองมาทางจางเยี่ยนจือ แม้จะวางตัวดีเกรงอกเกรงใจ ทว่าหางตากลับเผยความดูหมิ่นถิ่นแคลน
ตลอดทางที่เดินมานี้ทุกสิ่งที่จางเยี่ยนจือได้ยินได้เห็นล้วนย้ำเตือนเขาว่าฐานะของเขากับหลี่เจาเกอถูกกั้นแบ่งเฉกฟ้ากับดิน เขาคือโคลนตมบนพื้นดิน ส่วนหลี่เจาเกอคือก้อนเมฆบนผืนฟ้า
ในใจหลี่เจาเกอพอจะรู้สถานการณ์โดยรวมแล้ว ตอนนี้เองขันทีที่เข้าไปทูลแจ้งก็กลับออกมา หลี่เจาเกอจึงตามเข้าตำหนักไป การมาถึงของหลี่เจาเกอทำให้เสียงดนตรีในตำหนักยุติลงชั่วคราว นางเข้าไปแล้วรู้สึกได้ว่ามีคนอยู่หลังฉากบังลม ดวงตานางไม่สอดส่ายส่งเดช คำนับฮ่องเต้อย่างเยือกเย็น “ถวายบังคมฝ่าบาท”
หลี่ฉังเล่อยืนขึ้นทักทายหลี่เจาเกอเช่นกัน “พี่หญิงเซิ่งหยวน”
ฮ่องเต้โบกมือตามสบาย “รีบนั่งลงเถิด เจาเกอ เจ้ามาได้อย่างไร”