ขณะนี้ที่จวนสกุลเผยมีคนมากอย่างหาได้ยาก กู้หมิงเค่อเข้ามาในจวนแล้วได้บ่าวนำทางเรื่อยมาจนถึงเรือนหลัก วันนี้สตรีที่แต่งออกไปอย่างพวกเผยฉู่เยวี่ยก็กลับมาด้วย ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าเผยรายล้อมด้วยคนหนึ่งกลุ่ม ครั้นได้ยินสาวใช้มาแจ้งว่า “คุณชายกู้มาแล้ว” เสียงในเรือนก็พลันยุติลง ผู้คนพากันยืนขึ้น
กู้หมิงเค่อเข้าประตูมา สายตามองตรง คารวะฮูหยินผู้เฒ่าเผยกับเผยซือเหลียนเป็นอันดับแรก เผยจี้อันกับเผยฉู่เยวี่ยยืนอยู่อีกด้าน รอจนกู้หมิงเค่อยืดกายขึ้นค่อยคารวะกู้หมิงเค่อ “พี่กู้”
กู้หมิงเค่อผงกศีรษะรับเรียบๆ ทุกคนนั่งลงดังเดิม วันนี้ตั้งแต่เผยฉู่เยวี่ยกลับมาก็เงียบขรึมพูดน้อย ตอนนี้ได้เห็นกู้หมิงเค่อ นางยิ่งไม่พูดไม่จา
หลังจากกู้หมิงเค่อนั่งลง เผยซือเหลียนจึงเอ่ยถาม “ได้ยินว่าเจ้าได้เลื่อนขั้นเป็นตุลาการใหญ่ศาลต้าหลี่แล้ว”
กู้หมิงเค่อพยักหน้า “ใช่”
คนสกุลเผยฟังแล้วล้วนเงียบไป เผยซือเหลียนถูกปลดจากตำแหน่งเสนาบดี ลดขั้นไปเป็นเจ้าเมืองอวิ๋นโจว เมืองอวิ๋นโจวอยู่ไกลโพ้นสุดชายแดนเหนือ ทะเลทรายเวิ้งว้าง พายุทรายโหมกระหน่ำ ซ้ำมีข้าศึกภายนอกมาก่อกวนอยู่เสมอ เผยซือเหลียนถูกส่งไปเป็นเจ้าเมืองที่นั่นไม่นับว่าเป็นที่ที่ดีเลย คนอื่นๆ ในสกุลเผยต่างถูกลดขั้นส่งไปรับตำแหน่งต่างเมืองเช่นเดียวกัน มีเพียงกู้หมิงเค่อได้เลื่อนตำแหน่ง สภาพการณ์เช่นนี้เปรียบกันแล้วชวนให้ทอดถอนใจจริงๆ
เผยซือเหลียนถอนใจยาว “เมื่อแรกที่เจ้าไปศาลต้าหลี่ ข้ายังรู้สึกว่าที่นั่นทั้งวังเวงทั้งเสี่ยงภัย ไม่ใช่ที่อันมีเกียรติ ตอนนี้ดูแล้วกลับเป็นเรื่องดี ศาลต้าหลี่ไม่ต้องพัวพันกับความขัดแย้งระหว่างฝักฝ่าย สามารถทำงานเพื่อราษฎรได้อย่างแท้จริง เจ้าอยู่ที่นั่นดียิ่ง”
กู้หมิงเค่อผงกศีรษะกล่าวขอบคุณ ฮูหยินผู้เฒ่าเผยชะเง้อมองก่อนถาม “เหตุใดองค์หญิงเซิ่งหยวนไม่ได้มาเล่า”
เผยจี้อันหลุบตาลง มุมปากยิ้มขื่น…นางมาสิแปลก
กู้หมิงเค่อชี้แจง “นางมีธุระอื่น ไม่สะดวกจะปลีกตัวจึงไม่ได้มาด้วย”
หนนี้เผยซือเหลียนกับเผยจี้อันแคล้วคลาดพ้นภัยล้วนพึ่งพาหลี่เจาเกอ หากไม่ใช่นางย้ายสองคนนี้ไปที่คุกหลวงของกองงานปราบปีศาจก่อน ต่อให้สกุลเผยช่วยคนออกมาได้ก็คงไม่พ้นถูกทรมานร่างกาย เนื่องจากเรื่องที่หลี่เจาเกอเคยใช้กำลังบุกเข้ามาชิงบุรุษถึงในสกุลเผย คนในสกุลเผยจึงวิจารณ์นางในทางร้ายมาโดยตลอด นึกไม่ถึงเลยหนนี้สหายเก่าพากันเอาตัวรอด คนนอกยิ่งเหยียบย่ำซ้ำเติม กระทั่งหลี่ฉังเล่อก็กลัวภัยจะลามไปถึงตัว กลับเป็นหลี่เจาเกอที่ยื่นมือช่วยเหลือ
เดิมฮูหยินผู้เฒ่าเผยหมายจะถือโอกาสนี้กล่าวขอบคุณหลี่เจาเกอ ทว่าจนใจที่นางไม่ได้มา ฮูหยินผู้เฒ่าเผยแม้เสียดายอยู่บ้าง แต่ก็ไม่แปลกใจ เผยซือเหลียนกล่าว “องค์หญิงเซิ่งหยวนแม้กระทำการแบบทะนงถือตัว แต่ก็เป็นคนเที่ยงธรรม มีคุณธรรมน้ำใจ นับเป็นคู่ครองอันประเสริฐ พวกเจ้าสามีภรรยาต้องใช้ชีวิตร่วมกันให้ดี มีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ประคับประคองซึ่งกันและกัน วันหน้าพวกเราไปแล้ว ในเมืองหลวงจะเหลือพวกเจ้ากันแค่สองคนเท่านั้น”
กู้หมิงเค่อมองไปทางฮูหยินผู้เฒ่าเผย “ท่านยายก็จะไปจากเมืองหลวงด้วยหรือ”
“ใช่” ฮูหยินผู้เฒ่าเผยกล่าว “ข้าแก่ปูนนี้แล้ว ซือเหลียน ซือเจ๋อ กับเจ้าใหญ่ล้วนไม่อยู่ ข้ารั้งอยู่เมืองหลวงคนเดียวก็ไม่มีความหมายอะไร มิสู้กลับภูมิลำเนา ฉวยเวลาบั้นปลายไม่กี่ปีสุดท้ายนี้อบรมคนรุ่นหลังในตระกูลให้ดี นี่นับเป็นสิ่งสุดท้ายแล้วที่ข้าจะทุ่มเทกำลังทำเพื่อสกุลเผยได้”
สกุลเผยมีรากฐานวงศ์ตระกูลอันรุ่งเรือง ต่อให้ไม่เป็นขุนนาง กลับภูมิลำเนาไปเก็บกินจากที่นาบรรพชนก็เพียงพอจะใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติ ฮูหยินผู้เฒ่าเผยจะไป ฮูหยินใหญ่เผยกับกู้เผยซื่อย่อมต้องติดตามไปด้วย จวนสกุลเผยที่เคยมีหน้ามีตาในราชธานีตะวันออกช่วงเวลาหนึ่ง บัดนี้จะคงเหลือแต่กู้หมิงเค่อคุณชายบ้านท่านเขยกับเผยฉู่เยวี่ยคุณหนูที่แต่งเข้าสกุลอื่นไปแล้ว
คนรอบด้านจึงพากันโน้มน้าว “ฮูหยินผู้เฒ่า นี่ท่านพูดอันใดกันเจ้าคะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเผยตั้งมือ ยับยั้งถ้อยคำของพวกนาง “ข้าอายุมากแล้ว อยู่ได้อีกไม่นานเท่าไรหรอก ข้ารู้ตนเองดี พวกเจ้าน่ะสิ จงใช้ชีวิตให้ดีๆ ให้กำเนิดทายาทที่รักดีแก่สกุลเผยอีกสักหลายๆ คน นี่ต่างหากคือการกตัญญูต่อข้ามากที่สุด”