ทุกคนก้มหน้าลง ฮูหยินผู้เฒ่าเผยสูงวัยแล้ว ยิ่งเผชิญผ่านคดีคิดกบฏหนนี้ก็ยิ่งสุขภาพย่ำแย่ เผยซือเหลียนถอนใจยาว “ข้าในฐานะบุตรชายกลับไม่อาจอยู่ปรนนิบัติข้างกายมารดา อกตัญญูโดยแท้”
ฮูหยินผู้เฒ่าเผยโบกมือ “เจ้ามีพระราชโองการติดตัวย่อมสมควรไปอวิ๋นโจวทำหน้าที่ จะผูกติดอยู่ตรงหน้าข้าทั้งวี่วันนับเป็นเรื่องอันใด”
จบคำนางมองไปทางเผยจี้อัน “เจ้าใหญ่ เจ้าไปถึงอวิ๋นโจวแล้วต้องดูแลพ่อเจ้าให้ดีนะ แข้งขาเขาไม่ดี อย่าให้เขาถูกความเย็น”
เผยจี้อันก้มศีรษะรับคำ
ฮูหยินใหญ่เผยอดถามไม่ได้ “เจ้าใหญ่ เจ้าจะไปอวิ๋นโจวจริงๆ น่ะหรือ มิสู้กลับบ้านบรรพชนไปศึกษาหาความรู้สงบๆ…”
เผยจี้อันส่ายหน้าช้าๆ แววตาแน่วแน่ยิ่งยวด “อ่านตำราหมื่นม้วนมิสู้เดินทางหมื่นหลี่ ลูกอ่านตำรามายี่สิบปีแล้ว ควรจะออกจากประตูบ้านไปดูโลกภายนอกแต่แรก ท่านแม่มิต้องเกลี้ยกล่อมลูกอีก ลูกตกลงใจแล้ว”
“แต่…ที่อวิ๋นโจวนั่นลำบากยากแค้น ซ้ำต้องรบกับข้าศึกเป็นประจำ เจ้าไปสถานที่พรรค์นั้นจะทนรับไหวได้อย่างไร”
“ก็เพราะลำบาก…จึงจะต้องไป” ไม่รู้เผยจี้อันนึกถึงสิ่งใดจึงถอนใจโดยไร้เสียง “ลูกควรจะทำเช่นนี้ตั้งแต่แรก”
ยากนักที่เผยจี้อันจะแน่วแน่เพียงนี้ ฮูหยินใหญ่เผยเห็นว่าเกลี้ยกล่อมไม่ได้จริงๆ จึงได้แต่ทนเจ็บยอมแพ้ กู้หมิงเค่อกวาดตามองเผยจี้อันพลางลอบเก็บงำประกายตา
ฮูหยินใหญ่เผยกับฮูหยินผู้เฒ่าเผยล้วนปวดใจ แม้แต่เผยฉู่เยวี่ยก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดพี่ใหญ่จะต้องไปทนลำบากที่อวิ๋นโจวให้ได้ มีเพียงกู้หมิงเค่อเท่านั้นที่รู้…นี่ต่างหากชะตาที่แท้จริงของเผยจี้อัน
วัยหนุ่มน้อยมีเกียรติยศ ก้าวเดียวทะยานถึงชั้นเมฆ ทว่าเมื่อเติบใหญ่ครอบครัวประสบเหตุพลิกผันร้ายแรง วงศ์ตระกูลล่วงเกินฮ่องเต้หญิงจนถูกเนรเทศ เหตุนี้ทำให้เผยจี้อันไปชายแดน ได้เติบโตอย่างแท้จริงภายใต้การขัดเกลาของพายุทรายกับไฟสงคราม หลายปีให้หลังเผยจี้อันกลายเป็นผู้บัญชาการมณฑลทหาร นำทัพกลับเมืองหลวงมาปราบปรามกบฏ สนับสนุนหลี่ไหวขึ้นเป็นฮ่องเต้ และหวนมาคืนดีกับองค์หญิงก่วงหนิง
นี่สิชะตาของเผยจี้อันแบบที่เซียวหลิงให้เทพลิขิตชะตาเขียนขึ้น ชาติก่อนเผยจี้อันถูกหลี่เจาเกอสอดแทรก เป็นเหตุให้ชะตาถูกเปลี่ยนแก้จนเละเทะ ชาตินี้เผชิญผ่านทางแยกต่างๆ นานา ในที่สุดก็กลับเข้าร่องเข้ารอยเสียที
กู้หมิงเค่อรู้สึกเป็นครั้งแรกว่าการลงมาแดนมนุษย์ทำภารกิจหนนี้เริ่มเห็นผล ช่างน่ายินดีน่าอวยพร
ใกล้จะพรากจากกันแล้ว คนสกุลเผยไม่ยินดีจะเอ่ยเรื่องอนาคตอันหนักอึ้งอีก จึงค่อยๆ เปลี่ยนมาพูดคุยเรื่องครอบครัว เผยฉู่เยวี่ยเพิ่งแท้งบุตร ฮูหยินผู้เฒ่าเผยไม่กล้าเอ่ยถึงนาง หัวข้อสนทนาจึงเลี้ยวไปหากู้หมิงเค่ออย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง “หลานกู้ เจ้ากับองค์หญิงเซิ่งหยวนวางแผนจะมีทายาทกันเมื่อใดเล่า”
คนทั้งหมดมองไปทางกู้หมิงเค่อ กู้หมิงเค่อยังคงไร้อารมณ์บนใบหน้า ตอบอย่างสงบ “พวกเรายังหนุ่มสาว ไม่รีบขอรับ”
“ไม่รีบไม่ได้แล้วนะ” ฮูหยินผู้เฒ่าเผยอิงหมอนนุ่มพลางเอ่ยเสียงหนัก “ยายได้ยินว่าไม่กี่วันก่อนมีคนกำนัลชายบำเรอให้องค์หญิงก่วงหนิง องค์หญิงก่วงหนิงแต่งให้หลานชายของฝ่าบาทแล้วยังเป็นเช่นนี้ ผู้ที่หมายตาองค์หญิงเซิ่งหยวนอยู่น่ากลัวว่าจะมีมากยิ่งกว่า ยายรู้ว่าพวกเจ้าสามีภรรยาผูกพันกันดี แต่ยิ่งผูกพันก็ยิ่งไม่อาจเลินเล่อ ความผูกพันเป็นเช่นเดียวกับคันฉ่อง เมื่อใดเกิดรอยร้าวก็จะกลับเป็นเช่นเดิมไม่ได้อีก”
เผยฉู่เยวี่ยกำสายรัดกระโปรงไว้แน่น เผยจี้อันเบนสายตาไปไม่อยากจะฟังต่อ ผิดกับคนอื่นๆ ที่สนอกสนใจหัวข้อนี้อย่างยิ่ง พากันเอ่ยเตือนเจ้าประโยคข้าประโยค “นั่นสิ องค์หญิงก่วงหนิงเคยสดใสไร้เดียงสามากเพียงใด ตอนนี้กลับเริ่มรับชายบำเรอเช่นกัน คนเราล้วนเปลี่ยนกันได้ ไม่อาจประมาท”
กู้หมิงเค่อนึกไม่ถึงว่าคนนอกจะห่วงใยความเป็นสามีภรรยาของเขากับหลี่เจาเกอเช่นนี้ เขาไม่ใส่ใจคำเตือนของผู้คน ทว่าเพ่งความสนใจทั้งหมดของเขาไปที่คำกล่าวช่วงแรก
ชายบำเรอ?