เริ่มจากไหลจวิ้นเฉินที่ดีแต่สอพลอปรักปรำคน ตามด้วยเหลียงอ๋องเว่ยอ๋องที่ใช้อำนาจเล่นเล่ห์ มาตอนนี้ยังมีชายบำเรอที่ใช้รูปโฉมไต่เต้าเพิ่มมาอีกสองคน นี่กำลังทดสอบความอดทนของไป๋เชียนเฮ่อกับโจวเซ่าอยู่ชัดๆ โจวเซ่ารู้สึกขัดตาขัดใจเช่นกัน แต่เขาก็รู้ว่าผู้อยู่ใต้ชายคามิอาจไม่ก้มหัวจึงส่งสายตาไปรอบข้างพลางปรามไป๋เชียนเฮ่อ “เอาล่ะ เรื่องข้างนอกพวกเราไม่มีปัญญายุ่งเกี่ยว ทำงานของตนเองให้ดีเป็นพอ”
ไป๋เชียนเฮ่อย่อมเข้าใจเหตุผลนี้ ฟ้าจะมีฝน สตรีจะออกเรือนฮ่องเต้จะชมชอบ ต่อให้พวกเขารู้สึกขัดนัยน์ตาสักเพียงใดก็ป่วยการ อย่างไรเสียอาชีพดั้งเดิมของไป๋เชียนเฮ่อก็เป็นนักย่องเบา แม้ไม่กล้าอ้างตนว่าหูตาฉับไว แต่ยามพูดจาไม่ให้ถูกผู้อื่นดักฟัง รับรองว่าทำได้สบาย เขากล้าพูดสิ่งเหล่านี้กับโจวเซ่า ย่อมเตรียมการมาก่อนเป็นอย่างดี
ไป๋เชียนเฮ่อเบ้ปาก กลับไปนั่งที่ของตนเอง ไม่รู้เขานึกถึงอันใดอีกจึงชะโงกตัวมาถามอย่างมีลับลมคมใน “ได้ยินว่าคุณชายห้าผู้นั้นรูปโฉมท่วงทีคล้ายตุลาการใหญ่กู้มาก?”
โจวเซ่าพ่นลมขึ้นจมูกแรงๆ “หยุดพูดให้ผู้อื่นเสื่อมเสียเดี๋ยวนี้ ต่อให้ไม่อยู่กองงานเดียวกัน ข้าก็ต้องพูดทวงความเป็นธรรมให้เพื่อนบ้าน คนผู้นั้นน่ะด้อยกว่าตุลาการใหญ่กู้ลิบลับ ขอเพียงเคยเห็นทั้งสองคน จะไม่มีทางเอาพวกเขามาพูดเปรียบเทียบกัน”
“อย่างนั้นหรือ” ไป๋เชียนเฮ่อเกาจมูก เป็นเพราะเขาคิดแต่จะเลิกงาน ทุกวันหลังเลิกงานจะเป็นคนแรกที่พุ่งตัวออกจากเขตวังชั้นนอกเสมอ จึงยังไม่เคยเห็นพี่น้องสกุลจางผู้ลือนามเลย เพียงได้ยินผู้อื่นพูดกันว่าคนพี่คุณชายห้านั้นรูปโฉมสง่าสูงส่ง ท่วงทีเหนือสามัญ มีราศีคล้ายตุลาการใหญ่กู้พระสวามีขององค์หญิงเซิ่งหยวนยิ่งนัก
ไป๋เชียนเฮ่อคิดในใจ เห็นทีเขาจะต้องหาโอกาสดูหน้าพี่น้องคู่นี้สักที โดยเฉพาะคนพี่จางเยี่ยนจือ ไม่รู้คำพูดที่ว่าจางเยี่ยนจือคล้ายกู้หมิงเค่อนี้ลือออกมาจากที่ใด ทว่าผู้ลือทำสำเร็จแล้ว ตอนนี้ไป๋เชียนเฮ่ออยากรู้อยากเห็นในตัวจางเยี่ยนจือล้นปรี่
เอ่ยถึงเรื่องนี้โจวเซ่าร่วมซุบซิบด้วยสองประโยคอย่างหาได้ยาก “ถ้าจะบอกว่าคล้ายให้ได้ล่ะก็ ข้าว่าคนพี่นั่นคล้ายอีกผู้หนึ่งมากกว่า คล้ายเผยจี้อันที่จะไปจากเมืองหลวงในไม่กี่วันนี้”
ไป๋เชียนเฮ่อสูดได้กลิ่นข่าวซุบซิบจึงยื่นหน้ามาอย่างคึกคัก “หน้าตาคล้ายมากหรือ”
โจวเซ่าสั่นศีรษะ “แค่รู้สึกคล้าย ล้วนเป็นจำพวกที่มองปราดไปก็รู้ว่าคงแก่เรียนและชอบวางท่า”
“ตุลาการใหญ่กู้ก็เหมือนกันนี่นา” ไป๋เชียนเฮ่อกล่าว “เขายังอ่านตำราไม่มากพอ วางท่าไม่มากพอหรือไร”
โจวเซ่ายังคงส่ายศีรษะ “ไม่เหมือนกัน ตุลาการใหญ่กู้นิ่งเย็นกว่า คล้ายเทพเซียนกว่า ต่อให้เขาไม่พูดจา แค่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ดูยากตอแยแล้ว แต่คุณชายห้านั่น มองไกลๆ เหมือนพวกบัณฑิตทรยศรัก”
ไป๋เชียนเฮ่อตบหน้าขา หัวเราะร่วนดังฮ่าๆ คำบรรยายนี้เห็นภาพยิ่งยวด เขานึกภาพออกเลยทีเดียว หลี่เจาเกอได้ยินเสียงหัวเราะอันไร้ความสำรวมของไป๋เชียนเฮ่อได้แต่ไกลจึงเดินตรงมาเคาะบานประตูของโถงตะวันออก
ไป๋เชียนเฮ่อกับโจวเซ่าเงยหน้าขวับ พอเห็นว่าเป็นหลี่เจาเกอ พวกเขาก็นั่งตัวตรงในพริบตา
นางถามเรียบๆ “พวกเจ้าคุยอะไรกันอยู่ หัวเราะถึงขั้นนี้”
“ไม่มีอะไรหรอก ไม่มีอะไร” ไป๋เชียนเฮ่อส่ายหน้าระรัว “ข้าแค่ให้เขาเล่าคดีให้ฟังอยู่”
หลี่เจาเกอปรายสายตาเย็นเยือกมองพวกเขาปราดเดียวก็หมุนตัวจากไป ครั้นนางจากไปแล้ว ไป๋เชียนเฮ่อก็สุมหัวกับโจวเซ่าต่อ “ผู้บัญชาการได้ยินชื่อของตุลาการใหญ่กู้จึงเดินมาใช่หรือไม่นะ”
“บอกได้ยาก”
ไป๋เชียนเฮ่อลูบผิวที่ขึ้นตุ่มดุจหนังไก่ ใบหน้าแสนจะเหยเก “สามีภรรยาคู่นี้น่าหมั่นไส้จริงๆ แต่จะว่าไป…ตอนนี้ในลั่วหยางก็น่าจะคู่นี้ล่ะเข้าท่าที่สุดแล้ว”
คนเหล่านั้นที่เคยมีพร้อมทุกสิ่ง บัดนี้บ้างต้องหย่าร้าง บ้างต้องโทษเนรเทศ คนที่ยังรั้งอยู่ในเมืองหลวงเหลือเพียงไม่กี่คน คุณชายเผยผู้มีนามกระเดื่องราชธานีตะวันออกกำลังจะจากไปไกลถึงชายแดน แม้แต่หลี่ฉังเล่อองค์หญิงเล็กผู้ได้รับการประคบประหงมสารพัดก็ยังถูกจับแต่งงาน นางแต่งให้เว่ยอ๋องอู่หยวนชิ่งด้วยความโกรธ หลังแต่งงานจึงหาความสำราญเต็มที่ อู่หยวนชิ่งเองก็มีอนุนางบำเรอเต็มเรือน สองสามีภรรยาจึงต่างคนต่างหาความสำราญ ใครก็ไม่ควบคุมใคร อู่เมิ่งซื่อได้แต่โกรธฮึดฮัด ทว่าไม่มีปัญญาจะควบคุม