นางสามารถควบคุมบุตรชายที่รักของตนเองได้หรือสามารถควบคุมบุตรีที่รักของฮ่องเต้ได้กันเล่า อู่เมิ่งซื่อได้แต่ถือคติ ‘ตาไม่เห็น ใจไม่ขุ่นมัว’ วันทั้งวันพำนักอยู่แต่ในจวนเหลียงอ๋องของบุตรชายคนโตเสียเลย ไม่ไปยุ่มย่ามเรื่องในจวนเว่ยอ๋องของบุตรชายคนเล็กอีก
ผ่านเรื่องราวนานามาจนถึงทุกวันนี้ คู่ที่ลงเอยกันได้แหวกขนบที่สุดและเป็นคู่ที่ผู้อื่นเคยไม่เห็นอนาคตที่สุดกลับกลายมาเป็นสามีภรรยาตัวอย่าง เมื่อแรกที่หลี่เจาเกอไปฉุดคร่ากู้หมิงเค่อถึงจวนสกุลเผย ไป๋เชียนเฮ่อสำลักสุราจนหวิดจะไปสวรรค์ ตอนนั้นคนในหอสุราล้วนวางเดิมพัน พนันกันว่าสองคนนี้จะแตกหักกันเมื่อใด ไป๋เชียนเฮ่อยังแอบวางเดิมพันไปหนึ่งอีแปะ ตอนนี้ดูท่าว่าหนึ่งอีแปะของเขาคงถอนทุนคืนไม่ได้แล้ว
ไป๋เชียนเฮ่อส่ายหน้าจุปาก
บัดนี้มีขุนนางเหี้ยมตั้งศาลเตี้ยอย่างเหิมเกริม ซ้ำยังมีสองจางแผ่ขยายอำนาจ แม้แต่คนอื่นในสกุลจางก็พลอยได้ดิบได้ดี ทว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเผยจี้อันอีก
วันที่หกเดือนห้า ความครึกครื้นของเทศกาลตวนอู่ยังไม่ผ่านพ้นไป เผยจี้อันก็จูงม้าก้าวออกจากประตูติ้งติ่งของเมืองหลวง บ่าวที่อยู่ด้านข้างแจ้งเขาว่า “คุณชาย สัมภาระตรวจนับเรียบร้อย ออกเดินทางได้แล้วขอรับ”
เผยจี้อันผงกศีรษะรับ ครั้นมองเห็นรถม้าคันหนึ่งจอดอยู่ไม่ไกลเขาก็ชะงักไป สุดท้ายยังคงสั่งบ่าวว่า “บอกให้ท่านพ่อข้าคอยสักครู่ ข้าไปประเดี๋ยวเดียวก็กลับ”
บ่าวเห็นรถม้าทางนั้นแล้วเช่นกันจึงค้อมกายคำนับก่อนวิ่งจากไปอย่างทะมัดทะแมง เผยจี้อันปล่อยเชือกบังเหียน เดินมุ่งไปทางรถม้าช้าๆ
เขาหยุดฝีเท้าห่างจากรถม้าสามก้าว ยืนตรงนี้ฟังเสียงคนในรถม้าได้ ทั้งจะไม่ถูกผู้ใดเข้าใจผิด เขาประสานมือกล่าว “องค์หญิงก่วงหนิง”
ม่านรถไม่ขยับ ผ่านไปสักพักเสียงที่คุ้นเคยทว่าก็แปลกหน้าจึงดังออกมาจากด้านใน “คุณชายเผยรู้ได้อย่างไรว่าเป็นข้า”
เผยจี้อันหลุบตา หัวเราะเบาๆ หนึ่งที เป็นหลี่ฉังเล่อได้เท่านั้น เพราะหลี่เจาเกอจะไม่มีทางมา
สองคนต่างไร้ถ้อยคำ สุดท้ายเป็นหลี่ฉังเล่อข่มใจไม่ไหว เลิกม่านขึ้นกล่าว “อวิ๋นโจวทุรกันดาร มีศึกเป็นประจำ ท่านจะไปจริงๆ น่ะหรือ”
“ใช่”
“ท่านไปหนนี้อาจจะ…กลับราชธานีตะวันออกมาไม่ได้อีกแล้วนะ”
“พ่ะย่ะค่ะ” เผยจี้อันเอ่ยอย่างสงบ “ขอองค์หญิงก่วงหนิงทรงถนอมตัวด้วย”
หลี่ฉังเล่อขบกราม นางโกรธมิใช่เบา ทว่าไม่อาจระบายออกมา สุดท้ายจึงเอ่ยอย่างคั่งแค้น “ท่านเกิดมาก็อาศัยอยู่ในฉางอันกับลั่วหยางมาโดยตลอด ไม่เคยประสบกับชีวิตที่ยากลำบาก รอจนไปถึงอวิ๋นโจวท่านจะเสียใจภายหลังแน่นอน!”
เผยจี้อันไม่หวั่นไหวใดๆ ยังคงเอ่ยอย่างสงบนิ่ง “ขอบพระทัยองค์หญิงก่วงหนิงที่ทรงห่วงใย สายแล้ว เชิญองค์หญิงเสด็จกลับจวนเถิด”
เขายังคงสุภาพวางตัวดีเช่นเคย ในอดีตหลี่ฉังเล่อชื่นชอบท่าทางอ่อนโยนเยือกเย็นเช่นนี้ของเขาที่สุด ทว่าตอนนี้นางแค้นนักเขาวางเฉยไร้การตอบสนอง!
หลี่ฉังเล่อกำมือแรงๆ ไม่รู้กำลังแสดงบารมีหรือกำลังอ้อนวอน “หากท่านไม่อยากไป ข้าช่วยให้ท่านอยู่ต่อได้ ขอเพียงท่านปรารถนา การจะช่วยให้ท่านคืนตำแหน่งงานเดิมหรือแม้แต่โยกย้ายท่านลุงเผยกลับมาล้วนไม่เป็นปัญหา”
จบคำนางมองเขาอย่างเคร่งเครียด เขาไม่ได้เผยสีหน้ายินดีเช่นที่นางคาดหวัง กลับช้อนตามองไปยังธงที่อยู่ไกลพลางเอ่ยเสียงเบา “ด้วยการแนะนำให้รู้จักกับสองพี่น้องสกุลจาง ประจบเอาใจพวกเขาน่ะหรือ”
“ไม่ใช่!” หลี่ฉังเล่อโพล่งออกจากปากด้วยเสียงแหลมบาดหู น้ำตารื้นออกมาจากสองตาของนางทันที “ข้าในหัวใจท่าน…ก็คือคนเช่นนี้น่ะหรือ”
เผยจี้อันไม่ได้ถอนสายตาคืนมา ย่อมจะมองไม่เห็นความมุ่งหวังและความห่อเหี่ยวในดวงตานาง ไม่ว่าอย่างไรหลี่ฉังเล่อก็เป็นผู้ถวายสองจางให้ฮ่องเต้ สองจางได้เลื่อนขั้นขุนนางแบบก้าวกระโดดก็มีหลี่ฉังเล่อร่วมยุยงส่งเสริม ไม่ว่าเจตนาดั้งเดิมของนางคืออันใด เดินมาจนถึงก้าวนี้เขากับนางล้วนไม่อาจเป็นคนเส้นทางเดียวกันได้อีก
เผยจี้อันกล่าว “องค์หญิงก่วงหนิง สายแล้ว ควรเสด็จกลับแล้ว กระหม่อมขออวยพรให้องค์หญิงทรงปลอดภัย เกษมสำราญ ไร้ทุกข์ชั่วชีวิต”
จบคำเขาหมุนตัวเดินกลับไป หลี่ฉังเล่อไม่อาจข่มใจไว้อีก ผลักเปิดประตูรถ กระโดดลงมาตะโกนลั่น “ท่านอวยพรให้ข้าไร้ทุกข์ชั่วชีวิต เหตุใดคนที่จะปกป้องข้าไม่ให้มีทุกข์ผู้นั้นจึงไม่ใช่ท่านเล่า!”
“กระหม่อมไม่คู่ควร”
“นางแต่งงานไปแล้วนะ!”
“องค์หญิงก่วงหนิง!” เผยจี้อันหันกลับมา พริบตานั้นความเฉียบขาดปะทุขึ้นในดวงตาของเขา หลี่ฉังเล่อไม่เคยเห็นเขาแสดงแววตาเช่นนี้ ราวกับเขาไม่ใช่คุณชายตระกูลขุนนางผู้ใช้ชีวิตเลิศลอย หากแต่เป็นเทพผู้กำลังออกบัญชา นางถูกทำให้ตกใจกลัว น้ำตาไหลพรั่งพรู