เผยจี้อันตระหนักได้ว่าตนเองเสียกิริยา เขาออกแรงกำหมัด ก่อนเอ่ยกับหลี่ฉังเล่อ “ขออภัย กระหม่อมล่วงเกินแล้ว องค์หญิงก่วงหนิง การคาดเดาส่งเดชทำร้ายคนถึงตายได้ ขอองค์หญิงทรงระวังวาจาการกระทำ อย่าได้ตรัสสุ่มสี่สุ่มห้า”
เผยจี้อันกล่าวจบก็หมุนตัว เดินมุ่งไปยังขบวนรถสกุลเผยโดยไม่ลังเล ขึ้นขี่ม้าไม่เหลียวหลังไปมองหลี่ฉังเล่ออีกแม้สักแวบ ตบสะโพกม้าจากไปอย่างเด็ดขาดไร้เยื่อใย
หลี่ฉังเล่อเบิกตามองเขาเร่งม้าจากไปไกล เกือกม้าตะกุยฝุ่นฟุ้ง เงาคนหดเล็กลงทุกที ไม่ช้านางก็ไม่อาจจำแนกเงาหลังของเขาได้อีก
หลี่ฉังเล่อยกสองมือป้องหน้า ร่ำไห้หนักอย่างไม่อาจควบคุม พี่ชายใหญ่จากนางไปแล้ว เสด็จพ่อจากนางไปแล้ว ตอนนี้แม้แต่เขาก็จากนางไปด้วย คนสำคัญในชีวิตนาง…ลาจากนางไปไกลคนแล้วคนเล่า
เมื่อก่อนนาง หลี่ไหว เผยจี้อัน เผยฉู่เยวี่ย เกาจื่อฮั่น และญาติผู้พี่สกุลจ่างซุน คนทั้งกลุ่มเล่นด้วยกันดีมากเพียงใด ไฉนสุดท้ายกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ คดีคิดกบฏเมื่อปีที่แล้วหลี่เจาเกอลงแรงไปไม่น้อยเช่นกัน หลี่เจาเกอเองก็ไม่ได้ใสสะอาด แต่เหตุใดทุกคนจึงเชื่อถือหลี่เจาเกอกลับไม่เชื่อถือนางเล่า
คนทั้งหมดเอ่ยถึงหลี่เจาเกอล้วนยอมรับว่าหลี่เจาเกอฝีมืออำมหิต ทว่าก็ตรงไปตรงมาไม่ใช้เล่ห์กลสกปรก หลี่เจาเกอตรงไปตรงมา เช่นนั้นผู้ที่ลับๆ ล่อๆ ดีแต่ใช้เล่ห์กลสกปรกหมายถึงใครกัน
พวกเขานึกว่าข้าหลี่ฉังเล่อยินดีจะทำสิ่งเหล่านี้หรือ ส่งชายบำเรอเข้าวัง คบค้าขุนนางเหี้ยมอย่างไหลจวิ้นเฉิน ที่ข้าทำทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพื่อช่วยหลี่ไหวหรือไร เห็นอยู่ว่าพวกเขาคือญาติมิตรของข้า เหตุใดสุดท้ายพากันเข้าข้างหลี่เจาเกอเล่า
สาวใช้เห็นหลี่ฉังเล่อร่ำไห้จนหายใจหายคอไม่ทันก็กลัวว่าท่าทางของเจ้านายจะถูกคนของจวนเว่ยอ๋องกับฮ่องเต้เห็นเข้าจึงรีบพยุงเจ้านายขึ้นรถ หลี่ฉังเล่อซับน้ำตาอยู่บนรถ หารู้ไม่ว่านางขึ้นรถไปไม่นาน เผยจี้อันก็รั้งม้าท่ามกลางสายลม เหลียวมามองนครลั่วหยางอีกครั้ง
นครลั่วหยางอันโอฬารตั้งตระหง่านใต้แสงตะวัน เสียงระฆังบนเจดีย์พุทธปลิวมาตามแรงลม พลิ้วผ่านข้างกายเผยจี้อันไป เด็กรับใช้ที่อยู่ด้านหน้าวกกลับมาสอบถาม “คุณชาย ท่านมองอันใดอยู่ขอรับ”
เผยจี้อันยิ้มเยาะตนเอง นั่นสิ เขามองอันใดอยู่ เขาถึงกับยังวาดหวังว่าจะได้เห็นนางอีกหรือ นางไม่มาหรอก เขารู้ตั้งแต่ต้นแล้ว
เพียงแต่…จนแล้วจนรอดในใจกลับยังเพ้อฝัน
เผยจี้อันส่ายหน้า ควบม้าไล่ตามขบวนด้านหน้าไป เบื้องหลังของเขาคือกำแพงเมืองอันสูงใหญ่ สตรีที่เขาเฝ้ารอผู้นั้น…สุดท้ายก็ไม่ได้มา
หนทางเบื้องหน้าช่างไกลแสนไกล
ภายหลังฮ่องเต้ได้คนโปรดใหม่มาคู่หนึ่งก็อารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีรอยยิ้มมากขึ้น ดวงตาทอประกาย สีหน้าเปล่งปลั่ง แม้อายุมากแล้ว แต่กลับคล้ายดรุณีน้อยวัยสิบหก เปี่ยมชีวิตชีวาอีกครา
หลี่เจาเกอเองยังลอบอุทาน อารมณ์รักคือเครื่องบำรุงชั้นเลิศที่สุดจริงเสียด้วย ฮ่องเต้ได้พบรักใหม่ กระชุ่มกระชวยตลอดทั้งวัน ครั้นจางเยี่ยนชางออดอ้อนริมหูพระองค์ว่าราชธานีตะวันออกช่างร้อนเหลือทน พระองค์ก็ตกลงทันทีว่าปีนี้จะไปหลบร้อนที่วังตากอากาศ
ไปหลบร้อนไม่ใช่เรื่องเล็ก ฮ่องเต้จะพาคนโปรดใหม่ไปวังตากอากาศย่อมต้องพาผู้รับใช้ไปด้วย นางข้าหลวงกับขันทีเหล่านี้เองก็ต้องมีผู้รับใช้ จำนวนคนที่พาไปจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งฮ่องเต้ไปหลบร้อนถึงสองสามเดือน ราชสำนักมิอาจไม่ทำงาน หน่วยงานสำคัญจึงต้องย้ายคนตามไปวังตากอากาศเช่นกัน
ไม่ผิดคาดแม้แต่น้อย งานรักษาความปลอดภัยระหว่างทางตกเป็นหน้าที่ของหลี่เจาเกอ หลี่เจาเกอทางหนึ่งก่นด่าจางเยี่ยนชางจอมเรื่องมากนั่นอยู่ในใจ อีกทางหนึ่งพาคนของกองงานปราบปีศาจไปทำงานล่วงเวลา ตรวจสอบความปลอดภัยรายทางซ้ำแล้วซ้ำเล่า กว่าฮ่องเต้กับสองพี่น้องสกุลจางจะไปถึงวังตากอากาศอย่างเริงรื่นชื่นบาน หลี่เจาเกอกับคนของกองงานปราบปีศาจก็ล้วนเหนื่อยจนแทบลากสังขารแล้ว