จุติรัก พลิกชะตาร้าย
ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 152.1-152.2
บทที่ 152-1 หยางโจว
โจวฉางเกิงเชื่อว่าตนเองเคยเจอเหตุการณ์ใหญ่มาไม่น้อย แต่ก็ยังคงถูกรอยยิ้มนั้นของกู้หมิงเค่อทำเอาผิวทั่วร่างผุดตุ่มดุจหนังไก่ เขาจ้องมองกู้หมิงเค่อโดยละเอียด หมายจะค้นหาร่องรอยการแปลงกายของคนผู้นี้
นี่มันอาคมอะไรกัน แปลงกายได้สมจริงถึงขั้นนี้เชียว
พอมองเห็นกู้หมิงเค่อ หลี่เจาเกอก็ตำหนิเขาโดยไม่แม้แต่จะหยุดคิด “เหตุใดท่านยังอยู่เล่า ก่อนหน้านี้บอกท่านไว้ว่าข้าจะกลับมาดึกมากๆ ให้ท่านกลับไปพักผ่อนเร็วหน่อยไม่ใช่หรือไร”
กู้หมิงเค่อยังคงมองหลี่เจาเกอ พร้อมอมยิ้มอ่อนโยน “ไม่นานเท่าไรเสียหน่อย อย่างไรข้าก็อยู่ว่าง จึงถือโอกาสรอท่าน”
โจวฉางเกิงหัวคิ้วขมวดแน่น นี่มันอาคมแปลงกายของสำนักใดกันแน่ แบกใบหน้าของเจ้าฉินเค่อนั่นมาพูดจาเช่นนี้ โจวฉางเกิงรับไม่ไหวอยู่บ้างจริงๆ
หลี่เจาเกอแม้เอ่ยตำหนิ ทว่าการที่กู้หมิงเค่อยินดีจะรอนางไม่ว่าดึกดื่นเพียงใดนั้นยังคงทำให้นางเบิกบานใจยิ่ง ส่วนที่เขาบอกว่าอยู่ว่างจึงถือโอกาสรอนาง…คำพูดนี้ขอเพียงรู้จักเขาหนึ่งวันก็จะไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด
นางไม่ได้เปิดโปงคำพูดของเขา ครั้นเห็นโจวฉางเกิงเอาแต่จ้องมองเขา นางก็ตอบสนองได้ทันที “เกือบลืมไปเลย นี่คือตาเฒ่าโจวที่เมื่อก่อนข้าเคยเอ่ยถึงกับท่าน ตาเฒ่าโจว นี่คือกู้หมิงเค่อ”
หัวคิ้วของโจวฉางเกิงยกสูงลิ่ว “แซ่กู้?”
หลี่เจาเกอออกโรงแนะนำ กู้หมิงเค่อค่อยเจือจานสายตาไปให้โจวฉางเกิงในที่สุด เขาหัวเราะเบาๆ มองคนตรงหน้าพลางเอ่ยไม่ช้าไม่เร็ว “เลื่อมใสมานาน…กว่าจะได้พบกัน”
ไอเย็นวะวาบแล่นผ่านสันหลังของโจวฉางเกิง พาให้แขนเกร็งเองโดยจิตใต้สำนึก มิผิด…ก็คือความรู้สึกนี้ หน้าตา เนื้อเสียง ท่วงทีล้วนเหมือนฉินเค่อทุกกระเบียด แม้กระทั่งน้ำเสียงการพูดก็ไม่ผิดเพี้ยนสักส่วนเสี้ยว
โจวฉางเกิงเกร็งใบหน้าไว้ สายตากวาดไปมาระหว่างหลี่เจาเกอกับฉินเค่อ ยากจะทำความเข้าใจได้ว่านี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเหตุใดฉินเค่อจึงมาอยู่ที่แดนมนุษย์ แค่พูดถึงอาการสนิทสนมยามที่ฉินเค่อพูดจากับหลี่เจาเกอ โจวฉางเกิงก็ไม่มีทางจะทำความเข้าใจได้แล้ว
โจวฉางเกิงถึงกับคิดเอาเองอย่างไม่รับผิดชอบว่า…คงไม่ใช่เพราะฉินเค่อล่วงเกินคนมากเหลือเกินจึงถูกชิงร่างไปแล้วหรอกนะ
หลี่เจาเกอกวาดตามองโจวฉางเกิงกับกู้หมิงเค่อ ก่อนยกคิ้วนิดๆ “พวกท่านรู้จักกัน?”
บรรยากาศระหว่างโจวฉางเกิงกับกู้หมิงเค่อแปลกชอบกล ทว่าชั่วขณะนี้สองคนกลับตอบสนองไปในทางเดียวกันได้อย่างน่าประหลาด โจวฉางเกิงเบนสายตาไปจากกู้หมิงเค่ออย่างรังเกียจเดียดฉันท์ ส่วนกู้หมิงเค่อก็ตวัดตาไปอีกทางเรียบๆ
“ไม่รู้จักมักคุ้น”
หลี่เจาเกอมองดูสองคนนี้เงียบๆ แน่ใจแล้วว่าสองคนนี้ปิดบังนางหลายสิ่งหลายอย่าง ตั้งแต่อยู่ที่วังตากอากาศนางก็นึกสงสัยแล้ว ตอนนี้ดูท่าว่าสองคนนี้จะเก็บงำลึกกว่าที่นางคิดภาพไว้เสียอีก
นางเอ่ยโดยไม่เปิดโปงออกมา “เช่นนั้นก็ดี ตาเฒ่าโจวถูกศัตรูตามฆ่าอยู่ ไม่เหมาะจะเปิดเผยร่องรอย พวกท่านไม่มีเรื่องบาดหมางกันก็ดีที่สุด”
กู้หมิงเค่อคิ้วขยับนิดๆ มองไปทางโจวฉางเกิงอย่างเนิบช้า “ถูกศัตรูตามฆ่า?”
ที่แท้ลับหลังเขา โจวฉางเกิงบรรยายถึงเขาเช่นนี้เองน่ะหรือ
โจวฉางเกิงพลันขนอ่อนลุกชันทั้งร่าง ถึงคราวดวงตกแท้ๆ อุตส่าห์หลบซ่อนมาตั้งหลายปี สุดท้ายถึงกับพาตนเองมาส่งถึงที่ เขารู้สึกว่าตนเองแสนจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่ใช่เพราะเขาเลินเล่อ หากแต่เพราะ…ใครจะไปรู้ได้ว่าฉินเค่อมาพัวพันอยู่กับหลี่เจาเกอ
โจวฉางเกิงใช้กระบี่เคาะแขนหลี่เจาเกอหนึ่งทีอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่ใช่เรื่องของเจ้า เป็นเด็กเป็นเล็กพูดส่งเดชอะไร”
เดิมทีกู้หมิงเค่อยังยิ้มอยู่ ครั้นเห็นการกระทำของโจวฉางเกิงก็พลันเก็บสีหน้า สกัดมือของโจวฉางเกิงไว้ เกล็ดน้ำแข็งในแววตาแทบจะแปรเป็นวัตถุจริง “เจ้าทำอะไร”
อีกสองคนที่เหลือล้วนตะลึงงัน หลี่เจาเกอนึกไม่ถึงว่ากู้หมิงเค่อจะไม่พอใจ นางถูกตาเฒ่าโจวเล่นงานจนชินแล้ว ถูกเคาะแขนหนึ่งทีเช่นนี้ไม่มีความรู้สึกสักนิดเดียว จึงรีบยุดแขนเสื้อกู้หมิงเค่อพลางเอ่ย “ไม่เป็นไรหรอก”
เรียนยุทธ์ไม่มีทางจะขาดการฝึกฝนหล่อหลอม วัยเด็กนางถูกเล่นงานหนักหนากว่านี้เยอะ
กู้หมิงเค่อกุมมือนางแล้วจูงพามาอยู่ข้างกายตน สายตายังคงมองโจวฉางเกิงอย่างไม่เป็นมิตร “วัยเด็กกราบเขาเป็นอาจารย์เรียนวิชาก็แล้วไปเถิด ตอนนี้ท่านเติบใหญ่แล้ว เขายังจะมือไม้รุ่มร่าม”
โจวฉางเกิงร้องชิ ถอยหลังหนึ่งก้าว มองไปทางหลี่เจาเกอกับกู้หมิงเค่อสองคนอย่างเหลืออด “พวกเจ้าสองคนมีความสัมพันธ์อะไรกันแน่”
กู้หมิงเค่อคิดในใจว่าหัวสมองของโจวฉางเกิงคงใช้ไปกับการสร้างมัดกล้ามหมดแล้ว เรื่องที่เด่นชัดเพียงนี้ก็ยังมองไม่ออกอีก เขาชิงเอ่ยก่อนหลี่เจาเกออย่างผ่าเผย “ข้าคือตุลาการใหญ่ศาลต้าหลี่ ควบตำแหน่งผู้ตรวจการทัพหนนี้ และตำแหน่งฟู่หม่าตูเว่ย”
ก่อนโจวฉางเกิงจะบรรลุเป็นเทพเซียนเคยเป็นชาวยุทธ์ ภายหลังบรรลุเป็นเทพเซียนก็ยังคงใช้ชีวิตตามอุปนิสัยชาวยุทธ์เช่นเดิม อดทนกับกฎยุบยิบของราชสำนักสวรรค์ไม่ไหวโดยสิ้นเชิง ครั้นฟังชื่อตำแหน่งขุนนางพรวนยาวนี้จบจึงเงียบงันเป็นนาน ยังดีเขาพอจะจำได้รางๆ จากความรู้ที่สั่งสมมาน้อยนิดว่าฟู่หม่าตูเว่ยคือตำแหน่งขุนนางที่แต่งตั้งแก่บุตรเขยของฮ่องเต้โดยเฉพาะ
แต่…หรือว่าจะ…ไม่ใช่กระมัง…
โจวฉางเกิงเอ่ยออกมาช้าๆ “ข้าไม่ค่อยรู้คำเรียกตำแหน่งขุนนางพวกนี้ ข้าแค่ถามพวกเจ้าว่าสองคนเกี่ยวพันเป็นอะไรกัน”
กู้หมิงเค่อมองอีกฝ่ายด้วยสายตาแบบที่ใช้มองเจ้าทึ่มผู้หนึ่ง “เกี่ยวพันเป็นสามีภรรยากันน่ะสิ”
โจวฉางเกิงปิดตาอย่างรับไม่ไหว แทบจะนึกว่าตนเองตาบอด เขาก็ว่าแล้ว ตั้งแต่ได้เห็นฉินเค่อก็รู้สึกอยู่ตลอดว่าพิกลๆ ที่แท้…ความเป็นจริงยังเลอะเทอะกว่าที่เขาคาดคะเนไว้เสียอีก
ฉินเค่อถึงกับเป็นสามีของหลี่เจาเกอ? หลี่เจาเกอเป็นศิษย์ของเขาโจวฉางเกิง ถ้าอย่างนั้นฉินเค่อไม่กลายเป็น…
Comments
