บทที่ 152-2 หยางโจว
ปัจจุบันมีเหมืองเงินอยู่ไม่มาก แร่เงินที่ขุดออกมาส่วนใหญ่ล้วนส่งเป็นบรรณาการ จู่ๆ ตอนนี้จะต้องใช้แร่เงินจึงยุ่งยากไม่น้อย
หลี่เจาเกอช่วงชิงเครื่องประดับเงินทั้งหมดในค่ายทหารมาใส่เตาหลอมจนละลายเป็นของเหลว จากนั้นเก็บรักษาไว้ในภาชนะพิเศษอย่างรอบคอบ วันรุ่งขึ้นขณะจะเปิดศึก นักรบสวมหน้ากากที่ฟันแทงไม่เข้าเหล่านั้นก็ปรากฏตัวขึ้นอีก นักรบร่างสูงใหญ่ยืนไม่ไหวติงอยู่หน้าสุดของกระบวนทัพ แลดูสะดุดตายิ่งยวด เมื่อวานทัพราชสำนักรบแพ้ใต้เงื้อมมือนักรบเหล่านี้ วันนี้พบเจออีกคราจึงบังเกิดความขลาดกลัวตั้งแต่ยังไม่ทันจะเริ่มรบพุ่ง
ทัพกบฏหลบอยู่หลังกลุ่มนักรบ เปล่งวาจาท้าทายอย่างกำเริบเสิบสาน สักพักกลุ่มนักรบคล้ายได้รับคำสั่งบางอย่างจึงค่อยๆ ขยับตัวก้าวขา ทีแรกสุดข้อต่อยังฝืดแข็ง เคลื่อนไหวเชื่องช้า ต่อมาท่วงท่าลื่นไหลต่อเนื่องขึ้นเรื่อยๆ ย่ำเท้ามาหาแนวทหารของฝ่ายราชสำนักดังโครมคราม ภูเขาตูเหลียงมีข้อได้เปรียบด้านความสูงเป็นทุนเดิม ทหารราชสำนักที่ยืนตั้งรับอยู่เชิงเขาแลเห็นนักรบร่างสูงใหญ่หนักอึ้งพุ่งตัวลงมาจากที่สูง ความรู้สึกสะท้านจิตใจย่อมรุนแรงอย่างยิ่ง ต่างพากันผงะถอยอย่างหวาดกลัว ต่อให้นายกองที่อยู่ด้านหลังโบกธงตวาดสั่งไม่หยุดก็ไม่อาจระงับยับยั้งการถอยหนีของพลทหารได้เลย
ท่ามกลางความชุลมุนนั้นเอง มีเกาทัณฑ์ขนนกดอกหนึ่งโฉบข้ามศีรษะของผู้คน ทะยานไปเบื้องหน้าพร้อมเสียงแหวกอากาศดังขวับ พลทหารต่างเงยหน้าขึ้นโดยสัญชาตญาณ แลเห็นเกาทัณฑ์ดอกนั้นพุ่งไปปักอกนักรบผู้หนึ่งจนมิดก้าน ท่าร่างของนักรบผู้นั้นพลันแข็งค้าง รอยร้าวเริ่มแผ่ขยายจากหน้าอก สุดท้ายทั้งร่างก็กลายสภาพเป็นดินเผาที่แห้งแข็ง ล้มครืนแตกเป็นเสี่ยงๆ
แนวหน้าบังเกิดเสียงอุทานแตกตื่น ฝ่ายทัพกบฏปั่นป่วนอย่างเห็นได้ชัด หลี่เจาเกอลดคันธนูลงก่อนกล่าว “ได้ผลจริงเสียด้วย จอมทัพ สายคาดเอวเงินของท่านไม่ได้เสียสละสูญเปล่า”
จอมทัพทั้งกระอักกระอ่วนทั้งจนใจ หลี่เจาเกอยื่นส่งภาชนะพิเศษในมือนางแก่องครักษ์ “แจกจ่ายของเหลวนี้แก่พลธนู ให้พวกเขาชุบหัวเกาทัณฑ์ก่อนยิงพวกตัวโตนั่น จริงสิ เตือนพวกเขาด้วยว่าใช้ประหยัดๆ หน่อย ในนี้คือสายคาดเอวของจอมทัพเชียวนะ จงอย่าได้สิ้นเปลือง”
องครักษ์กลั้นยิ้มถือภาชนะวิ่งจากไป จอมทัพมองดูแนวหน้า นักรบเพิ่งจะล้มลงคนเดียว ขวัญทหารสองฝ่ายก็พลันกลับด้านกันแล้ว จอมทัพถาม “องค์หญิงเซิ่งหยวน ท่านมีวรยุทธ์สูงส่ง ฝีมือธนูแม่นยำ ให้ท่านยิงย่อมรวดเร็วทั้งได้ผลดี เหตุใดท่านจึงต้องยกของวิเศษพิชิตชัยแก่พลธนูธรรมดา”
“การศึกไม่ใช่เรื่องของคนคนเดียว” หลี่เจาเกอตอบเรียบๆ “มีเพียงเหล่าทหารได้เห็นกับตาว่านักรบที่กล้าแข็งล้มลงด้วยมือของพวกเขาเอง พวกเขาจึงจะเอาชนะความพรั่นพรึง สังหารข้าศึกด้วยความห้าวหาญอย่างแท้จริง”
สนามรบไม่ใช่ลานแสดงของนางผู้เดียว ชัยชนะก็ไม่ใช่ของนาง หากแต่เป็นของทหารหาญทุกนาย
จอมทัพฟังจบก็สะท้อนใจอย่างยิ่ง สนามรบคือหนทางหนึ่งที่จะไต่เต้าขึ้นสูงได้เร็วที่สุด ใครบ้างไม่อยากเหมารวบผลงานการศึก ใครบ้างไม่อยากสำแดงฝีมือ เรื่องสกปรกแย่งชิงคุณความชอบกันอย่างละโมบยิ่งเกิดขึ้นไม่เคยหยุดหย่อน ในขณะที่คนทั้งหมดช่วงชิงกันจนหัวร้างข้างแตก หลี่เจาเกอกลับโบกมือเป็นฝ่ายยกคุณความชอบแก่ผู้อื่นเสียเอง
ความใจกว้างระดับนี้จอมทัพยอมรับว่าตนเองไม่อาจทำได้
สองทัพสู้รบ สู้กันที่ขวัญทหาร ตลอดมาทัพกบฏพึ่งพาวิชานอกรีต พริบตาที่นักรบสวมหน้ากากถูกทำลาย ทัพกบฏจึงระส่ำระสายเสียเอง จากนั้นทัพราชสำนักเพียงบุกตะลุยตามแต่ใจ ทัพกบฏก็แตกพ่ายไม่เป็นกระบวนทันที
ภูเขาตูเหลียงถูกยึดได้อย่างรวดเร็ว ทหารกบฏที่อำเภอไหวอินได้ยินว่า ‘ทัพเทวะ’ ของเทียนซือถูกราชสำนักตีกระเจิงแล้วก็หวาดผวาจนปัสสาวะราด รีบยอมจำนนโดยไม่รอให้ทัพราชสำนักมาถึง ทัพราชสำนักเข้ายึดอำเภอไหวอินแล้วก็ฉวยจังหวะที่ได้ชัยชนะรุดต่อไปยังลำธารซย่าเออโดยตรง
ทัพกบฏตั้งมั่นอยู่ริมลำธารซย่าเออ หลังจากผ่านสมรภูมิที่ภูเขาตูเหลียง ชื่อเสียงบารมีของหลี่เจาเกอในกองทัพยิ่งพุ่งสูง ยามประชุมนายทัพนายอื่นๆ ล้วนสอบถามความเห็นของนางเป็นพิเศษ หลี่เจาเกอเคยตรวจสอบสภาพพื้นที่ของลำธารซย่าเออ พบว่าทางน้ำคับแคบ ต้นกกแห้งผาก เหมาะจะใช้ไฟโจมตี
ทว่ากุญแจสำคัญในการโจมตีด้วยไฟอยู่ที่ทิศทางลม หากทิศทางลมไม่ถูกต้องกลับจะเป็นการยกก้อนหินทุ่มใส่เท้าตนเอง สำหรับผู้อื่นนี่เป็นปัญหาที่ร้ายแรง สำหรับหลี่เจาเกอกลับไม่เป็นอุปสรรคใดๆ
แน่นอนว่าหลี่เจาเกอไม่มีความสามารถจะคำนวณทิศทางลมอย่างแม่นยำ แต่นางมีคนที่ทำได้ นางวิ่งไปถามกู้หมิงเค่อทันใด “พักนี้ลมพัดทิศใด”
กู้หมิงเค่อแววตาเรียบเฉย เอ่ยอย่างไม่อนาทรร้อนใจ “ข้าจะรู้ได้อย่างไรกัน”
“วันนี้ยามเย็นลมบูรพาหยุดแล้ว ทิศหรดีคล้ายมีกระแสลม ดูจากดวงดาวคืนนี้ต้องเกิดลมแรงแน่นอน ใช่ลมหรดีหรือไม่”
กู้หมิงเค่ออมยิ้มปรายมองนางปราดหนึ่ง “ในเมื่อท่านดูดวงดาวเป็น ยังจะถามข้าเพื่ออะไรเล่า”
เพียงฟังน้ำเสียงของเขา หลี่เจาเกอก็รู้ทันทีว่าต้องใช่ลมหรดี นางวางใจลง รีบออกไปสั่งการเตรียมบุกคืนนี้
กลางดึกลมหรดีกระโชกแรงดังคาด ทหารทางการวางเพลิงโดยอาศัยแรงลมหนุน ทัพกบฏถูกโจมตีจนตั้งตัวไม่ติด ผู้ที่หนีเตลิดกับผู้ที่จมน้ำตายมีจำนวนนับไม่ถ้วน หัวหน้ากบฏที่ค่ายลำธารซย่าเออพาคนสนิทไม่กี่คนหลบหนีไป เขาไม่กล้ากลับเข้าตัวเมืองหยางโจวจึงเลือกไปทางอำเภอเจียงตู หมายจะใช้เส้นทางทะเลหลบหนีไปยังแคว้นซินหลัว