บทที่ 153-1 สุสานฮ่องเต้
หลี่เจาเกอเปลี่ยนชุดเสร็จก็ออกจากประตูห้อง ยามนี้ผู้คนที่โถงจัดเลี้ยงด้านหน้ากำลังฉลองชัย ในโถงเสียงดนตรีก้องฟ้า เปรียบกันแล้วเรือนหลังของจวนว่าการเงียบวังเวงจนน่าสงสาร ตลอดทางหลี่เจาเกอแทบไม่พบเจอคน ครั้นเดินผ่านโถงหน้าค่อยพบว่าบนต้นไม้คล้ายมีคนอยู่ผู้หนึ่ง ดูลับๆ ล่อๆ ไม่รู้ว่ากำลังทำอันใด
หลี่เจาเกอหรี่ตา ก่อนก้มเก็บหินก้อนหนึ่งดีดใส่มือของอีกฝ่ายโดยแรง “ท่านทำอะไรอยู่”
โจวฉางเกิงมือสั่นวูบ หวิดจะทำไหสุราร่วงตกพื้น รีบประคองสายเบ็ดให้นิ่ง ส่งเสียงชู่ว์ใส่หลี่เจาเกอก่อนสาวสายเบ็ดต่ออย่างระมัดระวัง คนในโถงดื่มสุราจนเมาหัวราน้ำ ไม่มีใครสังเกตว่ามุมกำแพงลานมีสุราไหหนึ่งกำลังโคลงเคลง ลอยตัวขึ้นช้าๆ ด้วยการชักพาของสายเบ็ดเรียวเล็ก กระทั่งสุดท้ายหายลับเข้าดงไม้ไป
โจวฉางเกิงคว้าไหสุราหมับ สูดดมฟอดหนึ่งอย่างพึงพอใจก่อนกล่าว “สุราดี อย่างน้อยต้องอายุยี่สิบปี เจ้าศิษย์เนรคุณ ไม่เห็นหรือว่าข้ายุ่งอยู่”
หลี่เจาเกอยืนกอดอกเยาะหยันอยู่ใต้ต้นไม้ “ท่านมีฝีมือแค่ขโมยสุราดื่มสินะ”
“เรื่องดื่มสุราเรียกว่าขโมยได้หรือ” โจวฉางเกิงไม่ยี่หระ “ขุนนางสุนัขพวกนั้นพูดเองว่าผู้มาเยือนล้วนเป็นแขก คืนนี้ดื่มกันให้เต็มที่ ในเมื่อตรงนี้วางสุราไว้ตั้งมาก ข้าหยิบไปสักไหจะเป็นไรไป”
“ท่านอยากจะดื่ม ไม่มีคนห้ามท่านเสียหน่อย เข้าไปหยิบสุราอย่างผ่าเผยก็สิ้นเรื่อง”
โจวฉางเกิงยังคงแค่นเสียงฮึอย่างเย็นชา “ชาวยุทธ์ผู้กล้า…ไม่ร่วมโต๊ะอาหารกับคนของราชสำนัก”
หลี่เจาเกอลอบเหลือกตา ตาเฒ่าโจวนี่ทั้งอยากดื่มสุราของผู้อื่นทั้งไม่อยากจะเสียหน้า นางคร้านจะไยดีคนบ้าสุราผู้นี้ “ท่านน่ะพอสมควรได้แล้ว อย่าดื่มสุราหนักมากนัก ดื่มมากทำลายสมอง เดิมทีท่านก็มีอยู่ไม่เท่าไร”
จบคำนางตั้งใจจะเดินออกไปแล้ว พอดีโจวฉางเกิงดึงจุกไหสุราออก แหงนคอกรอกลงไปอึกใหญ่แล้วทำปากแจ๊บๆ ช้าๆ “เอ๋? ไฉนรสสุรานี่ทะแม่งๆ ชั่วดีอย่างไรขุนนางหยางโจวก็นับเป็นคนมีหน้ามีตา คงไม่ถึงขั้นเอาสุราปลอมมาให้แขกดื่มกระมัง”
ผู้พูดไม่มีเจตนา ผู้ฟังกลับคิดไปไกลแล้ว หลี่เจาเกอชะงักฝีเท้ารู้สึกว่าชอบกลไม่น้อย ขุนนางหยางโจวกลัวจะถูกเอาผิด หลายวันนี้ต้องงัดกำลังทรัพย์ทั้งหมดมาเอาใจคนของราชสำนักแน่ เมืองหยางโจวอุดมสมบูรณ์มาแต่ไหนแต่ไร ขนสุราดีในห้องเก็บใต้ดินออกมาสักสามสี่แห่งก็ไม่เป็นปัญหา ขุนนางหยางโจวมีหรือจะนำสุราชั้นรองมาขึ้นโต๊ะเลี้ยงแขก
หลี่เจาเกอหน้าขรึมบอกโจวฉางเกิง “ตาเฒ่าโจว โยนสุราไหนั้นลงมา”
“จะทำอะไร” โจวฉางเกิงบ่นอย่างไม่ชอบใจ “ถ้าเจ้าอยากจะดื่มก็เข้าไปเอาเองสิ”
แม้ปากพูดเช่นนี้ แต่โจวฉางเกิงก็ยังคงโยนไหสุราไปให้หลี่เจาเกอ นางรับมาสูดดมกลิ่นสุราในไหอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะมุ่นคิ้วทันที “แย่แล้ว ในสุรามีสิ่งแปลกปลอม”
หลี่เจาเกอชักเท้าวิ่งไปยังโถงจัดเลี้ยง ขณะนี้ในโถงมีแต่เสียงดนตรีกับผู้คนที่เมาเคลิ้ม ทันทีที่นางพรวดพราดเข้ามาก็ปลุกให้คนเมาหลายคนได้สติ
นายทัพพลทหารเหล่านั้นตัวโงนเงนพูดลิ้นพันว่า “องค์หญิงเซิ่งหยวน ไฉนองค์หญิงเสด็จมาได้”
ครั้นเห็นท่าทางของพวกเขา ส่วนลึกในใจหลี่เจาเกอยิ่งรู้สึกหนาววาบ เท้าก้าวปราดมุ่งไปยังที่นั่งประธาน ระหว่างนั้นมีคนเมาขวางทางอยู่ล้วนถูกนางผลักออกในคราวเดียว พอนางย่ำเท้าลงบนโต๊ะสุรา มือก็คว้าคอเสื้อของที่ปรึกษาเจ้าเมืองหยางโจวแล้วหิ้วตัวเขาขึ้นมาโดยตรง “เจ้าใส่อะไรลงในสุรา”
ที่ปรึกษาเจ้าเมืองหยางโจวเมามายมองหลี่เจาเกอด้วยนัยน์ตาพร่ามัว “หา?”
หลี่เจาเกอขมวดคิ้ว เดิมทีนางนึกว่าเป็นขุนนางหยางโจวพวกนี้ใช้เล่ห์เพทุบาย ทว่าดูจากท่าทางของที่ปรึกษาเจ้าเมืองคล้ายดื่มจนเมาหนักเช่นกัน นางจึงกวาดตาสำรวจบนโต๊ะก็พบจอกสุราวางอยู่ตรงมุมหนึ่ง สุราในนั้นถูกดื่มไปครึ่งหนึ่งแล้ว
นางออกแรงโยนที่ปรึกษาเจ้าเมืองลงพื้น รีบฉวยสุราจอกนั้นขึ้นมาดมกลิ่น ประกายตานางขรึมลงทันใด
แย่แล้ว ยานี้ถูกวางโดยฝ่ายที่สาม นอกจากฝ่ายราชสำนักกับฝ่ายกบฏหลี่สวี่ ในตัวเมืองหยางโจวยังมีฝ่ายของผู้ใดอยู่อีก