จุติรัก พลิกชะตาร้าย
ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 153.1-153.2
หลี่เจาเกอทิ้งตัวลงมาจากปากโพรง พอเท้าสัมผัสพื้นก็ไม่หยุดนิ่ง ดีดร่างขึ้นในทันที รอบทิศมีห่าเกาทัณฑ์ยิงออกมาระลอกใหญ่ ปักบริเวณที่นางยืนเมื่อครู่จนพรุนดังคาด นางกระโดดลงจากผนัง เป่าไต้ให้เกิดไฟแล้วคลำทางมุ่งหน้าไปช้าๆ
เบื้องหน้าคือทางอุโมงค์อันมืดทึมคดเคี้ยว บนพื้นชื้นแฉะ ผนังมีหยดน้ำเล็กๆ ผุดพราย บนผนังทุกระยะหนึ่งจะปรากฏไข่มุกราตรีหนึ่งเม็ดกำจายแสงนวลเย็นตา
ครั้งแรกที่เห็นไข่มุกราตรีนางไม่ได้ใส่ใจ กระทั่งเดินไปพักใหญ่จึงอุทานในใจอย่างห้ามไม่อยู่ ประดับไข่มุกราตรีขนาดเท่าผลลำไยทุกระยะหนึ่งจั้ง ดูจากความยาวของทางอุโมงค์สายนี้ วังใต้ดินทั้งหลังคงไม่เล็กแน่ ประดับเช่นนี้เรื่อยไปจะต้องหมดเปลืองทุนทรัพย์มากเพียงใด
ระหว่างทางปรากฏทางแยกหลายสาย หลี่เจาเกอพลาดเลือกประตูผิดไปบานหนึ่งจึงต้องตะลุยฝ่าผนังตะปู เกาทัณฑ์ กับไอพิษกว่าจะรอดตัวมาได้ ยังดีด้านหน้าเข้าเขตตำหนักบรรทมแล้ว ในที่สุดกลไกก็หยุดพัก ในนี้ไม่ชื้นแฉะเหมือนตรงทางอุโมงค์ เพดานยกสูงเป็นทรงโค้งกลม มีทางระเบียงวนกับสะพานโค้งเชื่อมต่อถึงกัน แผ่นหินใต้ฝ่าเท้าล้วนถูกขัดจนเรียบเกลี้ยงดุจหยก ทอดตามองไปให้ความรู้สึกสง่าโอ่อ่ากลางความมืดสลัว นางถือไต้เดินผ่านไปห้องแล้วห้องเล่า ในห้องเหล่านั้นเนืองแน่นด้วยกองเงินกองทอง อัญมณี และแพรพรรณ ระดับความแยงตานี้แม้แต่หลี่เจาเกอยังตกตะลึงจนพูดไม่ออก ทว่านางไม่ได้รั้งฝีเท้า เดินหน้าต่อโดยไม่มีลังเล
ห้องด้านหน้าค่อยๆ ลดความฟุ้งเฟ้อลง แลดูสงบเรียบง่ายแบบโบราณ เครื่องตกแต่งก็สง่างามอย่างยิ่ง นางค้นพบว่ามีห้องหนึ่งเรียงรายไปด้วยหนังสือไม้ไผ่ ฝีก้าวจึงชะงักเล็กน้อย สุดท้ายยังคงก้าวเข้าไปในห้องนั้น
นางชักหนังสือไม้ไผ่ม้วนที่อยู่บนสุดลงมา ในนั้นเป็นตัวอักษรโบราณ นางจำแนกไม่ค่อยจะออก ได้แต่อาศัยการเดาสุ่ม อ่านไปอย่างตะกุกตะกัก ครั้นอ่านไปสองม้วนก็พอจะคาดคะเนได้ว่าเล่าเรื่องราวของปราชญ์ผู้หนึ่ง แต่เนื้อความมีชื่อคนกับชื่อสถานที่เยอะเหลือเกิน ซ้ำนางก็ไม่เข้าใจความหมาย
นางจึงเลิกล้มที่จะอ่านม้วนหนังสือเหล่านั้น หันไปดูภาพวาดแทน ตัวอักษรนางอ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง ภาพวาดคงจะดูออกได้กระมัง นางเพิ่งรื้อภาพมาดูสองม้วนก็พบว่าทิศตะวันออกของห้องขึงผ้าม่านไว้ หลังม่านคลับคล้ายมีของบางอย่าง
นางบังเกิดความอยากรู้อยากเห็น นั่นคือสิ่งใดกันนะ เหตุใดต้องซ่อนไว้หลังม่านด้วย นางวางม้วนภาพในมือลง เดินตรงไปทางผ้าม่านโดยไม่รั้งรอ
ครั้นดึงผ้าม่านออกก็พบว่าตรงหน้าเป็นผนัง บนผนังแขวนภาพบุคคลอยู่เจ็ดภาพ ภาพเหล่านี้แม้ถูกซุกซ่อนอยู่หลังม่าน ทว่าดูจากเนื้อกระดาษ การเข้ากรอบ และลายเส้นพู่กันแล้ว เห็นชัดว่าเจ็ดภาพนี้ต่างหากล้ำค่าที่สุด
หลี่เจาเกอไล่ดูไปทีละภาพตามลำดับ ในวังหลวงมักมีความเคยชินที่จะวาดภาพเหมือนแก่เจ้าเหนือหัวและสตรีตำหนักใน ผู้ถูกวาดจะสวมเครื่องแต่งกายที่ทรงเกียรติที่สุด นั่งนิ่งหลายชั่วยามเพื่อให้จิตรกรวาดรูปลักษณ์ที่ดูน่าเกรงขามที่สุดออกมา ภาพทั้งเจ็ดนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ภาพแรกๆ ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรีล้วนนั่งตัวตรง ความเคร่งขรึมเกลื่อนใบหน้า ส่วนล่างของภาพเป็นความเรียงยาวเหยียดโดยประโยคทุกคู่มีจำนวนตัวอักษรเท่ากัน เนื้อความนั้นนางอ่านไม่ค่อยจะเข้าใจ เพียงแยกแยะได้เลาๆ ว่าเป็นชีวประวัติกับคำสรรเสริญบุคคลในภาพ
หลี่เจาเกอไม่รู้จักสมัญญานามของพวกเขา ได้แต่คาดคะเนด้วยสัญชาตญาณว่าสามภาพแรกคือผู้เป็นปู่ทวด ปู่ และย่าตามลำดับ อีกสองภาพถัดมาเป็นบุรุษวัยกลางคนกับหญิงงามที่ออกเรือนแล้ว พอหลี่เจาเกอเห็นหญิงงามผู้นั้นก็อุทานออกมาทันที “เป็นนาง”
ตอนอยู่ที่วังตากอากาศหลี่เจาเกอเข้าสู่ห้วงฝันโดยไม่เจตนา ได้เห็นฮองเฮาผู้หนึ่งให้กำเนิดทารกแฝด แต่เพราะฮองเฮากลัวว่าจะไม่ตรงตามคำทำนายของโหรหลวงจึงหมายจะทำให้ทารกคนหลังจมน้ำตาย ตอนนั้นหลี่เจาเกอยังเคยสะท้อนใจ ฮองเฮาผู้นี้มีรูปโฉมดีงาม แต่จิตใจกลับโหดเหี้ยมตรงข้ามกับรูปโฉม
ในห้วงฝันฮองเฮาเพิ่งคลอดเสร็จ เรือนผมเปียกรุ่ยร่าย ใบหน้าเผือดขาว แต่ยังคงมองออกว่าเหมือนสตรีในภาพไม่ผิดเพี้ยน
ที่แท้นี่ก็คือภาพบิดามารดาของเขากับแฝดผู้พี่ หลี่เจาเกอสังเกตบิดาเป็นพิเศษ เจ้าเหนือหัวผู้นี้เปี่ยมสง่าราศี จมูกโด่งนัยน์ตาลุ่มลึก โครงหน้าเฉียบคมองอาจ เป็นรูปโฉมที่มีเสน่ห์บุรุษอย่างล้นเหลือ บิดามารดาล้วนเป็นคนงาม มิน่าเล่าบุตรชายจึงโดดเด่นเพียงนี้
หลี่เจาเกอเดินไปยังภาพถัดไป นางหยุดยืนเบื้องหน้าภาพเหมือน จำแนกตัวอักษรใต้ภาพอย่างถี่ถ้วน “ฉินเหวย?”
ที่แท้องค์ชายใหญ่มีนามว่าฉินเหวย นางเงยหน้ามองดูภาพ นี่น่าจะเป็นภาพหลังจากเติบใหญ่ มิอาจไม่กล่าวว่าพี่น้องคู่นี้เลือกมาแต่จุดเด่นของบุพการี โครงหน้าสืบทอดความสง่าองอาจของบิดา ราศีสืบทอดความงามประณีตของมารดา ผนวกรวมกันยิ่งเหนือล้ำกว่าคนรุ่นก่อน
นางมองดูเพียงสองแวบก็เดินหน้าต่อ สิ่งที่นางสนใจอย่างแท้จริงคือภาพอีกใบต่างหาก นางมายืนหน้าภาพใบสุดท้ายดังที่ใจปรารถนา ไม่ผิดจากที่คาดไว้รูปโฉมของเขาเมื่อเติบโตขึ้นยิ่งหล่อเหลากว่าวัยเยาว์ คิ้วกระบี่ เนตรดารา สันจมูกเรียวยาว ริมฝีปากบางได้รูป แนวกรามพิถีพิถัน ลำคอระหง เรือนกายสูงผึ่งผาย พกพาซึ่งความห้าวหาญของคนหนุ่ม
แม้สองพี่น้องมีรูปโฉมเดียวกัน แต่มองออกได้อย่างชัดเจนว่าบุคลิกแตกต่างโดยสิ้นเชิง อีกทั้งเขาดูอ่อนเยาว์กว่าพี่ชายมาก
เดี๋ยวนะ อ่อนเยาว์?
หลี่เจาเกอรีบเลื่อนสายตาไปอ่านอักษรใต้ภาพ บนสุดของแถวอักษรเขียนนามของเขาว่าฉินเค่อ ทว่าข้อมูลของเขาถัดจากอักษรจ้วนที่งดงามสองตัวนั้นกลับมีอยู่เพียงไม่กี่ตัว นางจำแนกตัวอักษรเหล่านั้นอย่างยากเย็น “ฉินเค่อ บุตรคนรองของขุยเซียงหวัง น้องชายฝาแฝดของฉินเหวย ภายหลังศึกที่ฉางหลิง แคว้นต่างๆ จับมือกันบุกตีแคว้นขุย ในห้วงวิกฤตฉินเค่อสละตนเพื่อคุณธรรม เซ่นกระบี่ธาราเร้นด้วยวิธีเจ็ดเจ็ดสังเวยชีพ ถึงแก่กรรมในวัยสิบแปด”
ดวงตาของหลี่เจาเกอพลันเบิกโพลง
(ติดตามต่อได้ในรูปแบบ E-book ฉบับเต็มวันที่ 27 มีนาคม 2568)
Comments
