หลี่ซั่นกล่าว “นี่คือพระราชโองการของฝ่าบาท ในเมื่อฝ่าบาททรงไว้ใจเซิ่งหยวน ข้าย่อมสนับสนุนเต็มที่”
ชายารัชทายาทฟังอยู่ด้านข้าง อดขมวดคิ้วไม่ได้ ผู้ช่วยพระอาจารย์สวีถอนใจยาว กล่าวอย่างแค้นใจที่เหล็กมิอาจกลายเป็นเหล็กกล้า “องค์รัชทายาท นี่ไม่ใช่พระราชโองการฝ่าบาท หากแต่เป็นเทียนโฮ่ว ปัจจุบันฝ่าบาททรงอยู่ข้างตำหนักบูรพาก็จริง แต่เทียนโฮ่วกลับไม่แน่ ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่านางคิดเช่นไร นางรวบอำนาจทั้งหมดไว้ในกำมือตนเอง ไม่มีทีท่าจะปูทางให้ท่านขึ้นครองราชย์ ตำแหน่งรัชทายาทแห่งตำหนักบูรพาแต่งตั้งมาสิบปีแล้ว ท่านไร้ความผิดใหญ่ ไม่อาจปลดท่านได้ เหตุที่เทียนโฮ่วมอบทหารหลวงแก่องค์หญิงเซิ่งหยวนโดยไม่มอบให้จ้าวอ๋องนั้นอาจเพราะเกรงว่าจะสนับสนุนจ้าวอ๋องชัดเจนเกินไปจึงได้ถอยมายังตัวเลือกที่สอง เปลี่ยนมาสนับสนุนองค์หญิงเซิ่งหยวนแทน ในราชสำนักมีใครไม่รู้บ้างว่าองค์หญิงเซิ่งหยวนอยู่ฝ่ายเดียวกันกับเทียนโฮ่ว ขอเพียงเทียนโฮ่วสนับสนุนจ้าวอ๋อง องค์หญิงเซิ่งหยวนย่อมนำทหารหลวงเบิกทางแก่จ้าวอ๋อง ถึงตอนนั้นอำนาจทหารไม่เท่ากับอยู่ในมือจ้าวอ๋องหรือไร องค์รัชทายาท ท่านจะยอมถอยให้ไม่ได้อีกแล้ว”
หลี่ซั่นขมวดคิ้วกล่าว “อาจไม่ถึงขั้นนั้นก็ได้ แต่เล็กมาจ้าวอ๋องไม่สนใจการเมือง หลังจากเขาย้ายออกจากวัง วันๆ เพียงแต่งกาพย์ขับกลอน ไม่เคยสอดมือมาในวงราชการ เขาน่าจะ…ไม่ได้อยากชิงตำแหน่ง”
ผู้ช่วยพระอาจารย์สวีถูกยั่วโมโหจนสำลัก ชายารัชทายาทที่อยู่ด้านข้างจึงต่อคำสนทนาเนิบๆ “องค์รัชทายาทเพคะ ทรงรู้ได้อย่างไรว่าจ้าวอ๋องไม่สนใจจริงๆ ไม่ใช่แสดงละครตบตาผู้อื่นอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้จ้าวอ๋องไม่ประสงค์ในบัลลังก์ แล้วขุนนางคนสนิทของเขาเล่า”
“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ” ผู้ช่วยพระอาจารย์สวีเอ่ยรับช่วง “จ้าวอ๋องไม่ชอบงานปกครอง นี่อาจตรงพระทัยเทียนโฮ่วพอดี ข้อแรกจ้าวอ๋องสุขภาพแข็งแรง ข้อสองขุมกำลังอ่อนด้อย ข้อสามอยู่ในโอวาทของเทียนโฮ่ว หากเขาขึ้นครองราชย์ เทียนโฮ่วจะควบคุมราชสำนักได้เช่นเดิม เขาไม่มีคนให้ใช้สอยสักเท่าไร ไม่พ้นต้องพึ่งพาเทียนโฮ่วกับองค์หญิงเซิ่งหยวนต่อไป สำหรับจ้าวอ๋อง เทียนโฮ่ว และองค์หญิงเซิ่งหยวนแล้ว รูปการณ์นี้ได้ประโยชน์ทั้งสามคน องค์รัชทายาทไม่ทรงป้องกันมิได้นะพ่ะย่ะค่ะ”
สีหน้าหลี่ซั่นเคร่งขรึมขึ้น ตำหนักบูรพาคือราชสำนักเล็กแห่งหนึ่ง ทุกสิ่งล้วนจัดตามอย่างฮ่องเต้เพียงแต่ลดขนาดลง ฮ่องเต้มีสามฝ่ายหกกรม รัชทายาทก็มีฝ่ายราชเลขาธิการกับฝ่ายตรวจสอบเป็นของตนเอง เพียงแต่เปลี่ยนชื่อเรียกและมีขนาดเล็กลงอย่างมาก ฮ่องเต้ออกเดินทางมีทหารหลวง รัชทายาทก็มีองครักษ์เช่นเดียวกัน
ขุมกำลังทางการเมืองที่หลี่ซั่นสั่งสมมาสิบปีมิอาจดูเบา ยิ่งไปกว่านั้นถึงอย่างไรตำแหน่งรัชทายาทก็ชอบด้วยจารีตประเพณี สอดรับกับความต้องการของปวงชน หากหลี่ซั่นขึ้นครองราชย์ ขุนนางในราชสำนักเล็กกลุ่มนี้ย่อมไม่ยอมยกอำนาจให้เทียนโฮ่วเด็ดขาด อีกทั้งแนวคิดด้านการปกครองของหลี่ซั่นต่างจากเทียนโฮ่ว เรื่องใหญ่ของบ้านเมืองอาจได้ข้อสรุปไม่ตรงกัน ถึงตอนนั้นหลี่ซั่นมีจารีตประเพณีกับขุนนางราชสำนักให้พึ่งพิงถึงสองชั้น เทียนโฮ่วงัดข้อกับหลี่ซั่นก็ไม่แน่ว่าจะชนะ
เปรียบกันแล้วหลี่ไหวบงการได้ง่ายกว่ามาก อีกอย่างแค่สุขภาพแข็งแรงข้อเดียวนี้ก็เป็นข้อได้เปรียบที่ทำให้หลี่ไหวเหนือกว่าหลี่ซั่นแล้ว ไหนๆ ผู้ที่จะขึ้นนั่งบัลลังก์เป็นบุตรชายของเทียนโฮ่วทั้งคู่ เหตุใดเทียนโฮ่วจะไม่เลือกคนที่เชื่อฟังกว่าเล่า
หลี่ซั่นเงียบงัน ที่ผ่านมาเขามีน้ำใจดีต่อผู้คน หากเป็นองค์ชายสายอื่น เขาเชื่อมั่นว่าน้องๆ จะสนับสนุนเขา ไม่แปรพักตร์ไปอยู่ข้างคนนอก ทว่าหากคู่แข่งผู้นั้นคือน้องชายแท้ๆ ของเขาเองเล่า
หลี่ฉังเล่อ หลี่เจาเกอ รวมถึงเทียนโฮ่ว…จะสนับสนุนใคร
ในใจหลี่ซั่นมีคำตอบแล้ว หลี่ฉังเล่อโตมากับหลี่ไหว สองคนเล่นกันมาแต่เล็ก ไม่แบ่งเขาแบ่งเรา หากต้องเลือกพี่ชายหนึ่งในสองคนให้ได้ หลี่ฉังเล่อจะเอนเอียงไปทางหลี่ไหวอย่างแน่นอน ในด้านของความรู้สึกเทียนโฮ่วรักถนอมบุตรชายคนเล็กมากกว่า ในด้านของการเมืองนางยิ่งโน้มเอียงไปทางหลี่ไหวที่ไม่มีขุมกำลัง นางจะเลือกใครจึงไม่ต้องสงสัยเลย ตัวแปรหนึ่งเดียวในนี้ก็คือหลี่เจาเกอ