หลังกินอาหารเย็นเสร็จ ในที่สุดหวาหยางก็มีเวลามอบของขวัญที่นำมาด้วยให้กับคนในครอบครัว
ตั้งแต่เช้าพักอยู่ในตำหนักเฟิ่งอี๋ ยามนี้ฟ้ามืดแล้ว นางพาเฉาอวิ๋นกลับไปยังตำหนักชีเฟิ่งอันเป็นที่พักเดิมก่อนแต่งงานของนาง
เพราะนี่เป็นชื่อตำหนักที่จิ่งซุ่นฮ่องเต้ตั้งให้ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นที่พักของนางในจวนองค์หญิงที่อยู่ในเมืองหลวง หรือในคฤหาสน์หนิงหยวนต่างก็ใช้ชื่อตามนี้
ตำหนักชีเฟิ่งยังคงมีสภาพไม่ต่างอะไรกับตอนก่อนนางออกเรือน เพียงแต่ตอนนอนลงบนเตียงที่คุ้นเคยใหม่อีกครั้ง หวาหยางกลับไม่อาจนอนหลับไร้กังวลได้เหมือนตอนเป็นองค์หญิงตัวน้อยในอดีตได้อีก
นางครุ่นคิดว่าเสด็จพ่อสามารถสลับผลัดเปลี่ยนโปรดปรานโฉมสะคราญในตำหนักในได้ เสด็จแม่หรือก็ใส่ใจอยู่กับการใหญ่ของผู้เป็นน้องชาย น้องชายยามนี้เองต้องเรียนหนังสือ วันหน้าหลังแต่งงานก็จะมีครอบครัวเป็นของตนเอง
ต่อให้นางกลับมาพำนักอาศัยอยู่ในวังหลวงได้ ทว่าสุดท้ายนางก็จะค่อยๆ กลายเป็นส่วนเกิน ส่วนคนที่สามารถอยู่ข้างกายนางไปได้ตลอด ร่วมเป็นครอบครัวเดียวกันกับนางเหมือนจะมีก็แต่สามีของนางเท่านั้น
จวนสกุลเฉิน
ลานเรือนของเฉินจิ้งจงกับหวาหยางชื่อเรือนซื่ออี๋ถัง แต่จวนสกุลเฉินในเมืองหลวงที่ฮ่องเต้พระราชทานให้นั้นมีขนาดใหญ่โตกว้างขวาง เรือนซื่ออี๋ถังที่เมืองหลวงนี้จึงเป็นเรือนคั่นสาม กว้างขวางโอ่อ่ากว่ามากนัก
ก่อนไปจากเมืองหลวง เฉินจิ้งจงพำนักอยู่ในเรือนหน้า หวาหยางพักอยู่เรือนหลัง
ตอนนี้หวาหยางอยู่ในวังหลวง พอเฉินจิ้งจงกินอาหารเย็นเพียงลำพังเสร็จ เขาก็นั่งครุ่นคิดคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินมุ่งหน้าหมายเข้าไปพักยังเรือนหลัง
ที่นี่มีสาวใช้รุ่นใหญ่ที่คอยดูแลปรนนิบัติรับใช้หวาหยางอยู่อีกสองคน คนหนึ่งชื่อเฉาลู่ อีกคนชื่อเฉาหลาน
เฉาลู่กับเฉาหลานต่างไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างองค์หญิงกับราชบุตรเขยคืบหน้าไปถึงขั้นใดแล้ว ในความทรงจำของพวกนาง ความสัมพันธ์ของสองสามีภรรยายังคงหยุดนิ่งอยู่ที่ราชบุตรเขยหัวแข็งดื้อรั้น องค์หญิงรังเกียจชิงชัง
องค์หญิงไม่อยู่ ราชบุตรเขยกลับมา พวกนางทั้งสองต่างมีสีหน้าระแวดระวัง
“พวกเจ้าถอยไปเถอะ ไม่จำเป็นต้องอยู่ปรนนิบัติรับใช้”
เฉินจิ้งจงยืนอยู่หน้าเตียงห้องที่ไม่คุ้นตาหลังนั้น หันหลังบอกกับสาวใช้ทั้งสอง
เฉาลู่กับเฉาหลานสบตากัน พวกนางตัดสินใจว่าควรไว้หน้าราชบุตรเขย จึงก้มหน้าถอยไปจากพื้นที่ที่เป็นอาณาเขตขององค์หญิงเพียงผู้เดียวนี้
เฉินจิ้งจงถอดเสื้อนอกออกแล้วนั่งลงบนเตียง
เตียงปราศจากกลิ่นอายของหวาหยางนานแล้ว ทว่าเขากลับคล้ายยังคงเห็นนางนั่งอยู่ที่ข้างเตียง มองดูเขาด้วยสายตาเดียดฉันท์หวาดระแวง
นางในเวลานั้นไม่เต็มใจเลยแม้แต่น้อย
ครั้นนึกถึงภาพเหตุการณ์ในโรงน้ำชาคืนนั้น เฉินจิ้งจงก็นอนลงด้วยใจอันสงบ