ครั้นแสงตะวันนอกหน้าต่างไม่ได้แผดเผาเช่นนั้นอีกต่อไป ในที่สุดเฉินจิ้งจงก็เลิกม่านโปร่งหน้าเตียงห้องขึ้นแล้วสวมกางเกงตัวในเดินออกมา
เขาไปทำความสะอาดของสิ่งนั้นในห้องเวจ ใช้น้ำสะอาดล้างอยู่สี่ห้ารอบ หลังจากนั้นก็กลับเข้าไปในห้องนอน แช่ของสิ่งนั้นไว้ในอ่างดอกบัวต่อ หมายใช้มันอีกครั้งตอนกลางคืน
หลังเช็ดมือเสร็จ เฉินจิ้งจงก็เดินไปที่หน้าโต๊ะ มือข้างหนึ่งถือกาน้ำชา มืออีกข้างถือถ้วยชา เดินกลับเข้าไปในเตียงห้อง
เมื่อครู่หวาหยางใช้เรี่ยวแรงสุดท้ายไปกับการสวมเสื้อผ้า ยามนี้กำลังขดตัวนอนอย่างอ่อนแรงอยู่บนเตียง เรือนร่างถูกหุ้มห่อไว้ด้วยชุดผ้าแพรสีแดงโปร่งบางราวกับปีกจักจั่น ท่อนล่างเป็นกางเกงผ้าแพรหลวมๆ สีเดียวกัน เพราะอากาศร้อนนางจึงไม่ได้ห่มผ้าห่ม ข้อมือขาวสล้างโผล่พ้นแขนเสื้อ ขากางเกงหรือก็ม้วนตลบขึ้นบนตามท่านอนของนาง เผยให้เห็นปลีน่องขาวละเอียดกับฝ่าเท้าเล็กๆ น่ารักๆ นั่น
ไม่ว่าส่วนใดก็ล้วนขาวลออ มีก็แต่เพียงใบหน้าเท่านั้นที่แดงระเรื่อ คล้ายดอกโบตั๋นแดงที่เพิ่งถูกสายฝนเล็กละเอียดชะผ่าน
หวาหยางได้ยินเสียงเฉินจิ้งจงนั่งลงข้างๆ เดิมนางก็ไม่คิดจะใส่ใจ แต่เพราะกระหายน้ำเหลือกำลังนางจึงปล่อยให้อีกฝ่ายยกร่างของตนเองขึ้น
ความแข็งแรงของเฉินจิ้งจงปรากฏอยู่ในทุกด้าน อย่างในเวลานี้เขาสามารถอุ้มนางขึ้นได้อย่างง่ายดาย ทำเอาหวาหยางเผลอรู้สึกเหมือนว่าตนเองกำลังลอยละล่องราวกับเทพธิดาจริงๆ
นางหลุบตา จิบน้ำที่อีกฝ่ายป้อนถึงมุมปากช้าๆ
เฉินจิ้งจงทำจนคุ้นชินแล้ว เดิมทีเขายังจับจังหวะไม่ค่อยถูก บางทีก็ป้อนเร็วเกินไปจนนางสำลัก บางทีก็ช้าจนถูกนางถลึงตาใส่ แต่ตอนนี้เขาคล่องแคล่วมากแล้ว แม้แต่จังหวะที่หวาหยางดื่มไปไม่กี่คำแล้วจะหยุดพัก เขาก็รู้ได้อย่างแม่นยำ
คนที่สามารถปรนนิบัติรับใช้หวาหยางได้อย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติเช่นนี้ คนก่อนหน้านี้ก็คืออู๋รุ่นนั่นเอง
“ยิ้มอะไร” พอสังเกตเห็นมุมปากของหวาหยางยกขึ้น เฉินจิ้งจงก็เอ่ยถาม แค่ดื่มน้ำก็ยังดีใจได้อย่างนั้นหรือ
หวาหยางช้อนตาขึ้น นัยน์ตาชุ่มชื้นแฝงไว้ซึ่งรอยยิ้มชัดแจ้ง “ข้ากำลังยิ้ม ถ้าวันใดข้าเบื่อท่านแล้ว ไม่อยากให้ท่านเป็นราชบุตรเขยอีกต่อไป แต่ด้วยฝีมือปรนนิบัติรับใช้ดีเด่นเช่นนี้ หากท่านตัดใจไปจากข้าไม่ได้ ยินดีเปลี่ยนตนเองเป็นขันทีปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างกายข้า ข้าคงได้แต่ต้องเก็บท่านไว้”
เฉินจิ้งจงประชดออกมาคำหนึ่ง “เกรงว่าคนที่จะตัดใจไม่ได้จะเป็นองค์หญิง ไม่ใช่ข้า”
หวาหยาง “…”
นางดื่มน้ำต่อ ตอนเอนตัวลงบนเตียงอีกครั้ง เฉินจิ้งจงก็เอ่ยปาก
“หลับต่ออีกสักครู่เถอะ ต้องการให้ข้าสั่งพวกสาวใช้ให้เตรียมน้ำไว้หรือไม่”
“ได้”
ถึงแม้จะง่วงมาก แต่นางก็ยังทนเหงื่อบนตัวไม่ไหว อย่างไรก็ต้องอาบน้ำให้สะอาด
เฉินจิ้งจงหยิบกระดิ่งเรียกสาวใช้ของหวาหยางออกมาแล้วสั่นมันสองสามที
เพียงไม่นานเสียงฝีเท้าจากด้านนอกก็ดังลอยเข้ามา ก่อนจะหยุดอยู่หน้าประตูห้องนอนรอรับคำสั่ง
เฉินจิ้งจงให้พวกนางไปเตรียมน้ำ เขาใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดทำความสะอาดร่างกายง่ายๆ อยู่ในห้องก่อนจะหยิบเสื้อนอกขึ้นมาสวม
“ข้าไปรอที่ลานเรือนหน้าก่อน ตอนกินข้าวค่อยแวะมาอีกครั้งหนึ่ง” เขายืนอยู่หน้าฉากบังลม พูดไปทางเตียง
ตอนนี้ไม่เหมือนช่วงไว้ทุกข์ที่หลิงโจวที่ทุกคนต่างว่างไม่มีอะไรทำ หลังกลับมาถึงเมืองหลวง ตาเฒ่าได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นราชเลขาธิการ พวกเขาสามพี่น้องเองก็ล้วนมีตำแหน่งขุนนางติดตัว ในบ้านพร้อมจะมีแขกเหรื่อมาเยี่ยมเยือนอยู่ตลอดเวลา ต่อให้เป็นพ่อลูกพี่น้องก็จำเป็นต้องพบหน้าพูดคุยปรึกษาหารือกัน เขาต้องเตรียมพร้อมอยู่ทุกเมื่อ ส่วนหวาหยางถึงจะเป็นองค์หญิงแต่ก็ไม่ได้ว่างถึงเพียงนั้น อย่าว่าแต่แม่สามีเหล่าพี่สะใภ้เลย ด้านนอกเองก็อาจมีคนคิดจะมาเยี่ยมเยือนประจบประแจงนางทุกเมื่อเช่นกัน
หวาหยางขานรับอย่างไม่ใส่ใจ
เฉินจิ้งจงเดินจากไป