บทนำ
เมื่อหนึ่งพันปีก่อนจั๋วเหวินจวินเคยกล่าวไว้ว่า ‘เพียงขอได้พบใครสักคน ครองคู่กันไปจนผมหงอกขาว’ ฟั่นเฉิงต้าเคยเอ่ยว่า ‘ปรารถนาให้ข้าเป็นดาวท่านเป็นเดือน ส่องสว่างเคียงคู่กันไปในทุกราตรี’ หยวนเจิ่นเคยพูดว่า ‘เมื่อเคยไปเยือนมหาสมุทร นทีใดก็ไม่อาจเทียบ นอกจากเมฆสีรุ้งเหนือภูเขาอูซาน เมฆแห่งอื่นล้วนเผือดสีสัน’ อวี๋เสวียนจีเคยกล่าวว่า ‘หาสิ่งของที่ไม่อาจประเมินค่า ยังง่ายกว่าหาบุรุษผู้มีรักมั่น’ หยวนเฮ่าเวิ่นเคยกล่าวไว้ว่า ‘ถามโลกหล้าความรักคือสิ่งใด ไม่ว่าเป็นตายก็ขออยู่เคียงคู่กัน’
บางครั้งเจี่ยนเหยียนก็เคยคิดเช่นกันว่าบนโลกใบนี้จะมีความรักที่ทำให้คนใจเต้นรัวอยู่จริงหรือ แต่ว่าในฐานะคนที่ข้ามมิติมาจากโลกยุคหลังอย่างนางนั้นไม่เชื่อ
นางเคยมีบิดามารดาที่รักนางดุจสมบัติล้ำค่า พี่ชายที่รักและปกป้องนาง นางเคยมีชีวิตอยู่ที่เมืองหลวงในยุคประชาธิปไตยซึ่งสังคมเปิดกว้างและเจริญรุ่งเรือง นางเคยเรียนหนังสือ เติบโตขึ้นมา มีคนที่ตนเองแอบรักอย่างมีความสุข นางเคยรับความคิดที่ทันสมัยที่สุดบนโลกใบนี้ เคยเหยียบย่างไปทั่วโลก มองโลกในแง่ดี แต่อยู่มาวันหนึ่งนางก็ข้ามมิติมายังยุคโบราณที่ไม่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์
หญิงสาวที่นี่จะต้องรักษาหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมจะต้องชำนาญด้านพิณ หมากล้อม คัดอักษร วาดภาพ และงานเย็บปักถักร้อย ประตูใหญ่ไม่ออก ประตูเล็กไม่ข้ามการแต่งงานจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของบิดามารดา ทำตามคำพูดของแม่สื่อแม่ชัก สรุปก็คือเมื่อก่อนนางประหนึ่งนกที่โผบินอย่างอิสรเสรีบนผืนนภากว้างใหญ่ ทว่าตอนนี้มีกรงขังกักตัวนางไว้เสียแล้ว ทำให้นางต้องอยู่แต่ในส่วนลึกของจวน เวลากลางวันได้แต่ยืนจับกรอบประตูเงยหน้ามองผืนฟ้าอันห่างไกลและเมฆสีขาวที่เคลื่อนคล้อยผ่าน เวลากลางคืนอยู่กับแสงตะเกียงดวงเล็กดุจเมล็ดถั่ว นั่งฟังเสียงหยาดฝนตกกระทบลงบนใบกล้วยอยู่บนตั่งไม้ข้างบานหน้าต่าง ตอนเที่ยงคืนพลิกร่างกระสับกระส่าย นึกคะนึงหาอดีตมากมายเมื่อภพชาติก่อน
ทุกอย่างประดุจภาพฝันและภาพลวงตา นางเคว้งคว้างสับสนจนไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรดี ได้แต่คิดว่าตนเองควรจะยอมแพ้ต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน ยอมรับพันธนาการทุกอย่างที่ยัดเยียดให้นางเป็นเช่นหญิงสาวทุกคนในยุคสมัยนี้ หรือว่าควรยืนหยัดต่อความคิดเดิม พยายามต่อสู้เพื่ออิสรภาพของตนเอง
คำตอบนั้นเห็นได้อย่างชัดเจน…หากไร้ซึ่งอิสรภาพมิสู้ตายเสียดีกว่า ท้ายที่สุดนางก็ไม่เต็มใจจะยอมแพ้อยู่ดี ดังนั้นจึงพยายามต่อสู้เพื่อผืนฟ้าอันกว้างใหญ่ ใฝ่หาชีวิตอิสรเสรี ส่วนเรื่องความรักนั้น…นางคิดว่าในยุคสมัยที่บุรุษคิดว่าการมีสามภรรยาสี่อนุเป็นเรื่องปกติลึกถึงกระดูกเช่นนี้ นางจะไปตามหาบุรุษที่ตลอดชีวิตเต็มใจมีนางเพียงผู้เดียวได้อย่างไร อย่างไรนางก็ไม่อยากครอบครองบุรุษร่วมกับหญิงสาวคนอื่น ดังนั้นนางยอมไม่มีความรักเสียเลยดีกว่า
จนกระทั่งนางได้พบกับสวีจ้งเซวียน…