บทที่ 1
ช่วงปลายฤดูหนาวต้นฤดูใบไม้ผลิประเดี๋ยวอุ่นประเดี๋ยวหนาว สะใภ้ห้าจี้ซื่อแม่ม่ายของจวนสกุลสวีแห่งทงโจวกำลังยืนอยู่ด้านหน้าประตูฉุยฮวารอต้อนรับพี่สาวกับหลานชายหลานสาวของนางซึ่งเดินทางมาไกลจากหลงโจว
ประมาณช่วงเที่ยงวัน ในที่สุดก็มีสาวใช้วิ่งเข้ามารายงานว่าพี่สาวกับหลานๆ นางมาถึงแล้ว
จี้ซื่อได้ยินดังนั้นก็รีบเดินอ้อมกำแพงบังตาออกไปต้อนรับทันที
สองพี่น้องไม่ได้พบหน้ากันมายี่สิบกว่าปี ยามนี้ทันทีที่ได้พบหน้าก็จับมือกันแน่น ยังไม่ทันจะพูดอะไรก็ล้วนมีน้ำตาคลอหน่วย ทั้งสองคนต่างได้สาวใช้กับหมัวมัวของตนเองช่วยกันปลอบ จึงพากันหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาที่ปลายหางตา หันไปเอ่ยคำพูดแสดงความคิดถึงอื่นๆ แทน
หลังจากนั้นจี้ซื่อก็มองดูเด็กหนุ่มเด็กสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังเจี่ยนฮูหยินก่อนยิ้มถาม “นี่ก็คือชิงเกอเอ๋อร์กับเหยียนเจี่ยเอ๋อร์ใช่หรือไม่ โตกันเพียงนี้แล้ว”
เจี่ยนฮูหยินมีบุตรชายบุตรสาวอย่างละคน บุตรคนโตเจี่ยนชิงปีนี้อายุสิบแปด เกิดมามีใบหน้ากลม แม้แต่ดวงตาสองชั้นกับจมูกก็ดูกลมมนเช่นเดียวกัน หน้าตาดูธรรมดาสามัญ แต่บุตรสาวของนาง เจี่ยนเหยียน แม้ปีนี้จะเพิ่งอายุสิบสาม ทว่ากลับมีผิวขาวเสียยิ่งกว่าหิมะ รูปโฉมงดงาม จี้ซื่อนึกทอดถอนใจระคนชื่นชมอยู่ในใจ
เจี่ยนชิงกับเจี่ยนเหยียนรีบก้าวขึ้นหน้ามาคารวะจี้ซื่อพร้อมเปล่งเสียงเรียกพร้อมกันว่า “ท่านน้า”
จี้ซื่อประคองทั้งสองคนขึ้นมาพร้อมกัน นางมองเจี่ยนชิงสลับกับเจี่ยนเหยียน ก่อนยิ้มเอ่ยกับเจี่ยนฮูหยิน “ดูดีกันทั้งคู่ราวกุมารทองกุมารีหยกเชียว ข้าไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยชมอย่างไรแล้ว!” ด้านข้างมีสาวใช้ยื่นกล่องผ้าสองใบมารออยู่แล้ว จี้ซื่อจึงรับมายื่นส่งให้เจี่ยนชิงกับเจี่ยนเหยียน “เด็กดี นี่เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากน้า พวกเจ้ารับไปเล่นกันเถอะ”
เจี่ยนชิงกับเจี่ยนเหยียนต่างเอ่ยขอบคุณพร้อมยื่นมือออกไปรับกล่องผ้ามา
ในตอนนี้จี้ซื่อก็หันไปจับมือของเจี่ยนฮูหยิน จากนั้นนำพวกเขาเดินไปยังเรือนเหอเซียง สถานที่พักของตนเอง
รอจนทุกคนนั่งลงเรียบร้อย จี้ซื่อจึงให้สาวใช้ยกชาและกล่องขนมเข้ามาวาง จากนั้นสั่งต่อว่า “รีบไปเรียกอันเกอเอ๋อร์กับหนิงเจี่ยเอ๋อร์มาเร็วเข้า”
สาวใช้ขานรับแล้วออกไป ทางด้านนี้จี้ซื่อกับเจี่ยนฮูหยินนั่งแยกกันอยู่สองฝั่งของตั่งหลัวฮั่นโดยมีโต๊ะไม้ฮวาหลีตัวเล็กคั่นกลาง กำลังพูดคุยถึงเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีนี้ เมื่อคุยไปถึงประเด็นที่อ่อนไหว ทั้งสองคนก็ต่างร้องไห้ออกมา
ช่วงเวลานั้นเจี่ยนเหยียนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เหมยกุยตัวที่สองทางซ้ายมือก็ยกถ้วยชาขึ้นมาเปิดฝาออกจิบน้ำชาพลางแอบมองสำรวจจี้ซื่อไปหนึ่งหน…อีกฝ่ายสวมเสื้อตัวยาวสีเขียวอ่อนกึ่งใหม่กึ่งเก่ากับกระโปรงจีบรอบสีงาช้าง คลุมทับด้วยเสื้อตัวนอกสีชมพูหวาน แม้สีจะอ่อนแต่กลับดูอ่อนโยนสง่างามอย่างมาก จากนั้นมองไปทางเจี่ยนฮูหยินที่นั่งอยู่ด้านข้างอีกครา…ทางนี้สวมเสื้อตัวยาวคอปกสีเงินปักลายดอกเบญจมาศดอกใหญ่กับกระโปรงทรงหน้าม้า สีน้ำเงินเข้มอมม่วง ดูงามสว่างไสวสะดุดตา แต่ถึงอย่างไรก็ยังถูกจี้ซื่อข่มลงไปอยู่ดี
เจี่ยนเหยียนขยับปิดฝาถ้วยชาในมือลงเบาๆ ในใจคิดว่า แม้ทั้งสองคนตรงหน้าจะเป็นพี่น้องกัน แต่รูปโฉมกลับไม่เหมือนกันสักนิด ขณะที่จี้ซื่อดูบอบบางอ่อนหวาน มารดาในนามของข้าผู้นี้กลับมีสีหน้าที่ดูเข้มงวด ใจร้าย ไม่น่าคบหาด้วยง่าย ขณะที่คิดเจี่ยนเหยียนก็รับฟังบทสนทนาระหว่างจี้ซื่อกับเจี่ยนฮูหยินไปด้วย