สองฟากของบันไดมีต้นหญ้าชุ่ยอวิ๋นงอกขึ้นมาเป็นพุ่มๆ ใบสีน้ำเงินอมเขียว ใบเรียวยาว เวลาที่ลมพัดก็จะโบกไสวไปมา
“เสวี่ยหลิ่ว” นางพลันเอ่ยปาก “คุณหนูเจี่ยนคนเมื่อครู่นี้ เจ้าไปสืบความเป็นมาของนางที”
เมื่อครู่นี้นางคอยสังเกตเจี่ยนเหยียนเงียบๆ อยู่ตลอด เห็นว่าแม้นางจะอายุน้อยเพียงสิบสามสิบสี่ปี แต่รูปโฉมกลับงดงามพริ้มเพรา ซ้ำยังมีความใจกว้าง รู้จักรุกถอยอันหาได้ยาก ไม่รู้เพราะเหตุใดจู่ๆ นางก็รู้สึกหัวใจบีบรัดแน่นขึ้นมา…
หลังสวีจ้งเซวียนกลับไปที่ห้องหนังสือได้ไม่นาน ชุ่ยผิงสาวใช้รุ่นใหญ่ของจี้ซื่อก็นำของขวัญของเจี่ยนฮูหยินมาส่งมอบให้
ฉีซังเป็นคนรับมา ก่อนจะค้อมตัวน้อยๆ ยื่นกล่องไม้การบูรส่งต่อไปตรงหน้าสวีจ้งเซวียนด้วยสองมือ
เมื่อสวีจ้งเซวียนเปิดออกก็เห็นว่าข้างในเป็นแท่นฝนหมึกหินไหมแดงหนึ่งอัน น้ำหมึกเถ้าไม้สนสองตลับ แล้วยังมีที่ทับกระดาษหยกขาวอีกก้อนด้วย
แท่นฝนหมึกหินไหมแดงกับน้ำหมึกเถ้าไม้สนก็ไม่เท่าใดนัก แต่ที่ทับกระดาษหยกขาวก้อนนั้นถึงกับใช้ไม้จื่อถานชั้นดีเป็นฐาน แกะสลักเป็นทรงสัตว์มงคลคาบเห็ดหลินจือ เนื้อหยกเนียนอุ่น นับว่าล้ำค่ามาก
สวีจ้งเซวียนแค่หยิบขึ้นมาถือเล่นสักพักก็วางที่ทับกระดาษหยกขาวก้อนนี้ลงบนโต๊ะหนังสือ ไม่ได้ใส่ใจแต่อย่างใด
ในตอนนั้นก็มีบ่าวรับใช้เข้ามาแจ้งอีกว่าไฉ่จู…สาวใช้ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่ามาเยือน
ไฉ่จูมีใบหน้ารูปไข่เป็ด รูปร่างดี หน้าตาน่ามอง นางเป็นสาวใช้รุ่นใหญ่คนสำคัญที่สุดของอู๋ซื่อ
“คารวะคุณชายใหญ่” ไฉ่จูย่อกายลงให้สวีจ้งเซวียนก่อนเอ่ย “ฮูหยินผู้เฒ่าส่งบ่าวมาเรียนให้ท่านทราบว่าวันนี้ครอบครัวพี่สาวจากสกุลเดิมของฮูหยินห้ามาถึงจวนแล้ว ตอนเย็นฮูหยินผู้เฒ่าจะจัดงานเลี้ยงที่ห้องโถงเป็นการต้อนรับพวกเขา ขอให้ท่านไปเข้าร่วมด้วยเจ้าค่ะ”
สวีจ้งเซวียนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งถึงได้ตอบรับ “เข้าใจแล้ว”
ไฉ่จูคารวะให้เขาอีกครั้ง จากนั้นจึงล่าถอยออกไป…
ที่แท้ตอนที่สวีเมี่ยวหนิงดึงตัวเจี่ยนเหยียนออกไปช่วงนั้น จี้ซื่อได้เอ่ยกับเถาหมัวมัวคนสนิทของตนเองว่า “ในเมื่อพี่สาวนำของขวัญมาให้ทุกคน เช่นนั้นพวกเราก็ต้องช่วยส่งไปให้แต่ละคนแทนนาง ด้านเกอเอ๋อร์กับเจี่ยเอ๋อร์ เจ้าให้ชุ่ยเสี่ยวกับชุ่ยผิงแยกกันนำสาวใช้ไปส่งให้ทีละคน ทางพวกพี่สะใภ้ เถาหมัวมัว เจ้าพาสาวใช้สองคนแวะไปสักรอบก็แล้วกัน ส่วนทางฮูหยินผู้เฒ่าข้าจะนำไปให้ด้วยตนเอง”
รอตอนที่จี้ซื่อไปหาอู๋ซื่อแล้วมอบของขวัญที่เจี่ยนฮูหยินนำมาให้เรียบร้อย เนื่องจากแต่ละอย่างล้วนเป็นสิ่งของล้ำค่ายิ่ง อู๋ซื่อเห็นแล้วย่อมรู้สึกดีใจ จึงบอกว่าตอนเย็นจะจัดงานเลี้ยงให้เชิญเจี่ยนฮูหยินกับบุตรชายบุตรสาวของนางมา ถือเสียว่าเป็นงานเลี้ยงต้อนรับพวกเขา หลังจี้ซื่อกลับไปจะต้องไปบอกกับพวกเจี่ยนฮูหยินดีๆ ให้พวกนางมาร่วมงานเลี้ยงตอนเย็นให้ได้
จี้ซื่อรับปาก จากนั้นอู๋ซื่อก็สั่งให้สาวใช้แยกกันไปบอกเรื่องนี้กับคนอื่นๆ ในจวน ตอนนี้ไฉ่จูก็ไปพูดเรื่องนี้กับสวีจ้งเซวียนแล้ว
ไม่ว่าอย่างไรอู๋ซื่อก็เป็น ‘ท่านย่าในนาม’ ของสวีจ้งเซวียน ในเมื่อนางพูดเช่นนี้แล้วและตอนนี้ตนเองก็พักผ่อนอยู่ที่เรือน ย่อมต้องรับปากว่าจะไป