บทที่ 7
นอกเรือนซื่ออี๋ถัง บนระเบียงทางเดิน
เฉินเซี่ยวจงยืนเอามือไพล่หลังอยู่ด้านหน้าเจินเอ๋อร์ เป็นการขจัดทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับการที่เขาอาจจะพยายามล่อลวงสาวใช้ข้างกายองค์หญิง
เจินเอ๋อร์ลอบพินิจพิจารณาดูเงาร่างสูงโปร่งนั่น ในใจนึกเสียดาย
ถ้าราชบุตรเขยสุภาพมีมารยาทอ่อนโยนดั่งหยกเฉกเช่นคุณชายสาม เช่นนั้นองค์หญิงกับราชบุตรเขยจะต้องเป็นสามีภรรยาที่รักใคร่ฉินเซ่อสอดประสาน ไม่ใช่ทะเลาะกันทุกๆ สองสามวันเช่นนี้แน่
ขณะที่นางกำลังคิดเหลวไหล เสียงฝีเท้าก็ดังลอยมาจากทางด้านหลัง เจินเอ๋อร์หันกลับไป พบราชบุตรเขยที่ถึงหน้าตาจะหล่อเหลาเช่นเดียวกันแต่กลับชอบปั้นหน้าบึ้งตึงอยู่ตลอดเวลา นางรีบก้มหน้า
บุรุษองอาจห้าวหาญสีหน้าเย็นชาเยี่ยงราชบุตรเขยนี้ ทั้งบ้านสกุลเฉินมีก็แต่เก๋อเหล่ากับองค์หญิงของตนเท่านั้นที่กล้าชักสีหน้าใส่
เฉินจิ้งจงเดินผ่านข้างกายเจินเอ๋อร์ไป
พี่น้องพบหน้ากัน เฉินเซี่ยวจงยิ้มเรียกน้องสี่คราหนึ่ง หลังจากนั้นก็เดินตรงเข้าไปหาอีกฝ่าย
เฉินจิ้งจงเอ่ยปากอย่างหงุดหงิด “มาพบข้ามีธุระอะไร”
ท่าทางของเฉินจิ้งจงเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจ ทว่าเฉินเซี่ยวจงกลับไม่กลัว เขาเอ่ยปากกระเซ้าเสียงแผ่ว “ก็ไม่มีเรื่องใหญ่โตอะไร แค่ตอนอยู่ที่ด้านหน้าได้กลิ่นปลาหอมๆ ลอยมาจากเรือนของเจ้า เลยแวะมาเตือนเจ้าสักหน่อย เจ้าเองก็รู้ว่าท่านพ่อของพวกเราเข้มงวดยิ่ง หากเขาพบว่าเจ้ากินเนื้อสัตว์ในช่วงไว้ทุกข์ เกรงว่าจะลงโทษเจ้าให้ไปคุกเข่าอยู่ที่ศาลบรรพชน”
เฉินจิ้งจงส่งเสียประชดออกมาคำหนึ่ง “กลิ่นปลาจากที่ใด อาหารทั้งโต๊ะเมื่อครู่กับข้าวที่ดีที่สุดคือเห็ดหูหนูผัดไข่”
เฉินเซี่ยวจงเดิมก็ไม่ได้กลิ่นเนื้อสัตว์อันใด ทั้งหมดล้วนได้ยินมาจากปากของภรรยา ดังนั้นจึงจงใจเอ่ยปากหยั่งเชิงผู้เป็นน้องชายดู
พอเห็นน้องชายปฏิเสธ เฉินเซี่ยวจงก็ยิ้มถาม “เจ้าไม่ได้วิ่งไปจับปลาที่หลังเขาหรอกหรือ”
เฉินจิ้งจงชี้ไปในเรือน พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ถ้าไม่ใช่เพราะมีบรรพบุรุษตัวน้อยผู้นั้นอยู่ ช่วงนี้ข้าคงไปจับพวกมันมากินบรรเทาความหิวจริงอย่างที่ท่านว่าแล้ว แต่มีนางอยู่ ข้าไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว หาเรื่องให้นางรังเกียจข้าเพิ่มอีก”
เฉินเซี่ยวจงเผยรอยยิ้มเห็นอกเห็นใจออกมาอย่างรวดเร็ว
ตอนอยู่พร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว องค์หญิงยังคงไว้หน้าผู้เป็นน้องชายของเขาอยู่ ไม่เคยจงใจชักสีหน้าใส่ตรงๆ ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาถ้าไม่ดี ไม่ว่าอย่างไรก็ยังคงมีร่องรอยปรากฏให้เห็น ไหนเลยจะปิดบังชาวบ้านได้
“เอาล่ะ ในเมื่อทางพวกเจ้าไม่มีอะไร เช่นนั้นข้าก็จะกลับไปพักผ่อนแล้ว ตอนบ่ายยังต้องสอนหนังสือให้พวกเด็กๆ อีก ข้าล่ะปวดหัวจริงๆ”
เฉินเซี่ยวจงไม่ได้ถามอะไรอีก ทำเพียงยิ้มแล้วเดินจากไป