กลางวันมีเฉาอวิ๋นอยู่เป็นเพื่อน หวาหยางไม่กังวลว่าจะมีงูเงี้ยวเขี้ยวขอหนอนแมลงสัตว์เลื้อยคลานน่าเกลียดอะไรโผล่มาปรากฏอยู่ข้างกาย ทว่าตอนกลางคืนไม่ไหว จำเป็นต้องมีเฉินจิ้งจงอยู่ด้วยนางถึงจะนอนหลับได้อย่างสนิทใจ
ดังนั้นหลังกินข้าวเย็นเสร็จเฉินจิ้งจงก็มาอยู่ในห้องรองอย่างไม่ครั่นคร้าม หวาหยางเองก็ไม่ได้ไล่เขาไป
“องค์หญิง น้ำผสมเรียบร้อยแล้วเพคะ”
หวาหยางเตรียมไปอาบน้ำ
เฉินจิ้งจงนอนตะแคงอยู่บนตั่งริมหน้าต่าง มือข้างหนึ่งเท้าศีรษะ มองนางพลางพูด “ตอนเช้าเพิ่งอาบไปไม่ทันไร ตอนนี้อาบอีกแล้วหรือ หรือองค์หญิงไม่กลัวอาบจนผิวหนังลอก?”
หวาหยางรู้ว่าปากสุนัขของเขาไม่มีทางมีงาช้างงอกออกมาได้ ดังนั้นจึงไม่นึกสนใจ
เฉินจิ้งจงเปลี่ยนท่า หลับตาพักเอาแรง
หลังจากผ่านไปได้ราวๆ สองเค่อคนก็กลับมา เฉินจิ้งจงผินหน้ามองไป เห็นนางเปลี่ยนมาอยู่ในชุดเสื้อตัวในผ้าต่วนสีขาวปักลายใบบัวสีเขียว ปิ่นหยกปักอยู่บนเส้นผมดำขลับที่ถูกเกล้าไว้ เผยให้เห็นลำคอเพรียวระหงขาวราวหิมะกับพวงแก้มแดงระเรื่อหลังอาบน้ำเสร็จ
สองตาของเขาจ้องเขม็ง ทว่าโฉมสะคราญกลับสองตามองตรงไปอย่างมั่นคง เพียงชั่วพริบตาก็หายลับเข้าไปในห้องนอน
เฉินจิ้งจงกำลังจะตามเข้าไป แต่จู่ๆ เขาก็จำที่ตกลงรับปากนางเมื่อตอนเช้าได้ หลังจากนี้เขาจะอาบน้ำชำระร่างกายทุกคืน
เฉินจิ้งจงไปห้องรองทางทิศตะวันตก ใช้น้ำที่หวาหยางเหลือไว้เช็ดเนื้อเช็ดตัวอย่างรวดเร็ว
หลังอาบน้ำเสร็จเขาถึงนึกขึ้นได้ว่าตนเองลืมหยิบเสื้อตัวในมาเปลี่ยน ทว่าเฉินจิ้งจงเองก็คร้านเกินกว่าจะเรียกสาวใช้ให้เข้ามาช่วยเหลือ ดังนั้นหลังเช็ดตัวเสร็จเขาก็เดินไปหยิบเอาเสื้อนอกที่เพิ่งถอดทิ้งขึ้นมาห่มร่างใหม่อีกครั้ง หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องนอนราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
เฉาอวิ๋นเพิ่งช่วยองค์หญิงจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องให้นางอยู่ปรนนิบัติรับใช้อีก นางจึงหันไปแสดงคารวะต่อราชบุตรเขยที่เดินผ่านประตูเข้ามาก่อนจะก้มหน้าถอยจากไป
หวาหยางลุกขึ้นจากโต๊ะเครื่องประทินโฉม ชายตามองไปทางเตียงห้องปราดหนึ่ง พอเห็นเฉินจิ้งจงสวมเสื้อตัวนอกที่ใส่เมื่อตอนกลางวัน นางก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
“ข้าอาบน้ำแล้ว แค่ลืมเอาเสื้อตัวในเข้าไปเปลี่ยน” เขาพูดพลางถอดเสื้อออก
หวาหยาง “…”
เขาเปลือยอกกำยำออกมาได้ไม่ทันไร หวาหยางก็รีบหันหน้าไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังปลดม่านโปร่งลง
หลังเปลี่ยนเสื้อตัวในเสร็จ เฉินจิ้งจงก็เป่าตะเกียง เดินตรงมาหยุดอยู่ที่หลังม่าน
ครั้นสายตาคุ้นชินกับความมืด เขาก็มองเห็นหญิงสาวนอนอยู่กลางเตียงหันหน้าเข้าด้านใน ผ้าห่มผืนบางทาบอยู่บนร่าง ก่อเกิดเป็นโครงร่างอ่อนช้อยงดงาม
เฉินจิ้งจงตระหนักรู้ได้ทันที เขาหยิบเอาหมอนผ้าห่มที่วางอยู่ข้างนอกเตียงกลับไปนอนบนพื้นกระดานเหมือนเช่นทุกครั้ง
หวาหยางนิ่งมองดูผนังเตียงเงียบๆ
ชาติที่แล้วตลอดระยะเวลาสองปีที่อยู่หลิงโจว นางกับเฉินจิ้งจงแทบไม่เคยพูดคุยกันดีๆ แม้แต่ประโยคเดียว ตอนแรกเขานอนพื้นกระดาน หลังจากนั้นก็นอนเช่นนั้นมาโดยตลอด ราวกับว่าเป็นสิ่งที่พวกเขาสองสามีภรรยาพึงกระทำก็ไม่ปาน
แน่นอนว่าพวกเขาสองคนก็เคยมีชีวิตเยี่ยงสามีภรรยาเช่นกัน เพียงแต่ไม่บ่อย ผนวกกับความรู้สึกภายในใจของหวาหยางที่เฝ้าปฏิเสธอยู่ตลอดเวลา ส่วนเฉินจิ้งจงเองก็ไม่รู้จักทำตัวอ่อนโยน ด้วยเหตุนี้เรื่องดังกล่าวสำหรับนางแล้วจึงไม่ใช่ความสุขอะไร จะมีก็ได้ไม่มีก็ได้
ทว่าเมื่อคืนเพราะสูญเสียและได้คืนมา นางถึงได้ตามใจเขาเช่นนั้น ถึงกับ…