หวาหยางส่ายหน้า ยุติความทรงจำในอดีตที่ไม่ควรโผล่มาในยามนี้
“องค์หญิงหลับหรือยัง” เสียงของเขาดังลอยมาจากพื้น ไม่สูงไม่ต่ำ แหบพร่าอยู่เล็กน้อย
“มีอะไร”
ถ้าเขาอยากขึ้นมานอน ขอแค่ไม่ทำอะไรรุ่มร่าม นางย่อมตกลง
เฉินจิ้งจงมือไพล่ไว้ที่หลังศีรษะ มองดูเพดานเตียงมืดดำพลางบอก “ไม่มีอะไร ตอนเช้าข้าเอาไก่กลับมาตัวหนึ่งด้วย องค์หญิงอยากกินตอนกลางวันหรือว่าตอนเย็น”
หวาหยางไม่ได้นึกถึงเรื่องพวกนี้ ไม่รู้ว่าเหตุใดพอได้ยินเฉินจิ้งจงพูดออกมานางถึงได้น้ำลายสอ
“ตอนเย็นก็แล้วกัน จะได้ไม่มีคนสังเกตเห็น”
“อืม ปลาบนภูเขาอ้วนท้วน ทว่าไก่ป่ากลับมีเนื้อไม่มาก ตัวหนึ่งแค่พอพวกเราซดน้ำแกงอุดร่องฟันเท่านั้น”
“นอนเถอะ เลิกคิดเรื่องนี้ได้แล้ว” ยิ่งคิดนางก็ยิ่งหิว
“ก็มันอดไม่ได้”
หวาหยางนึกตำหนิอีกฝ่ายอยู่ในใจ แค่ไก่มื้อหนึ่งเท่านั้น แต่เขากลับนึกถึงไม่เลิก?
“เช่นนั้นก็เชิญท่านคิดตามสบาย ข้านอนล่ะ”
หวาหยางขยับตัวเข้าด้านใน ปรับท่วงท่าเตรียมเข้าสู่ห้วงนิทรา
“องค์หญิงไม่คิดถึงมันอย่างนั้นหรือ ข้าเห็นองค์หญิงเหมือนจะมีความสุขอยู่นะ”
ก่อนหน้านี้นางไม่ชอบเรื่องนั้นจริงๆ เขาดูออก ดังนั้นทุกครั้งจึงไม่กล้าดึงเวลาเนิ่นนานเกินไป เกรงว่านางจะยิ่งต่อต้าน ทว่าเมื่อคืนนางกลับต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
มีความสุข?
ในที่สุดหวาหยางก็เข้าใจว่าเขากำลัง ‘คิดถึงอะไร’ นางกัดฟัน ทำเหมือนไม่ได้ยิน
เฉินจิ้งจงกลับลุกขึ้นนั่ง จ้องมองดูแผ่นหลังของอีกฝ่ายพร้อมกับเอ่ยปาก “ตอนเช้าข้ากินบะหมี่ องค์หญิงตั้งเงื่อนไขไว้สามข้อ บอกว่าถ้าข้าทำได้ ท่านจะให้ข้าขึ้นเตียง เมื่อครู่ข้าอาบน้ำแล้วบ้วนปากแล้ว ตอนนี้คงขึ้นไปนอนบนเตียงได้แล้วกระมัง”
“ได้ แต่ห้ามถูกเนื้อต้องตัวข้า”
ยานั่นสามเดือนถึงจะกินได้หนึ่งครั้ง หวาหยางไม่อยากให้เป็นเพราะความโลภของอีกฝ่ายทำลายสุขภาพตนเอง
เฉินจิ้งจงไม่พูดไม่จา โยนหมอนขึ้นมา กอดผ้าห่มทิ้งตัวลงนอนเต็มแรง
ลมหายใจร้อนผ่าวระอยู่ที่หลังคอของหวาหยาง เห็นได้ชัดว่าเขานอนอยู่ใกล้นางมาก นางรับรู้ได้ถึงไอร้อนของชายหนุ่มที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของอีกฝ่ายไม่หยุด
จู่ๆ เตียงก็คล้ายหดเล็กลง
ภาพที่นางไม่อยากนึกถึงยังคงปรากฏชัดในหัว ยังมีภาพร่างกายกำยำของทหารองครักษ์สองนายที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ในจวนของท่านอาหญิงนั่นอีก
หวาหยางขยับเข้าด้านในเงียบๆ
ครั้นนางหยุด ที่ด้านหลังของนางก็มีความเคลื่อนไหว เฉินจิ้งจงขยับตามมา
ที่อยู่ทางด้านหน้าของนางคือผนังเตียง ยามนี้ไม่อาจขยับไปที่ใดได้อีกแล้ว เฉินจิ้งจงไม่ต่างอะไรกับหมาป่าที่กำลังจ้องเหยื่อเขม็ง ไม่คิดปิดบังความปรารถนาของตนเองแม้แต่น้อย ลมหายใจที่ปล่อยออกมาหนักหน่วงมากขึ้นทุกที ร้อนผ่าวมากขึ้นทุกขณะ
เป็นเช่นนี้หวาหยางจะนอนได้เช่นไร
“ท่านหันไปได้หรือไม่ หายใจหนักหน่วงเช่นนี้ ข้ารำคาญจะแย่” นางแสร้งทำเป็นพูดอย่างไม่พอใจ
เฉินจิ้งจงพ่นลมหายใจใส่นางอีกสองคราวก่อนจะหันร่างไปอีกด้าน กระเถิบออกไปอีกสองฉื่อ* เปิดทางให้นางขยับตัวได้
สองสามีภรรยาต่างนอนนิ่งไม่ขยับ ในม่านมุ้งเงียบลงอย่างรวดเร็ว