หวาหยางยังคงลืมตา
นางนึกถึงการกลับมาเกิดใหม่ของตนเอง
เรื่องราวเกิดขึ้นกะทันหันเช่นนั้น เป็นไปได้หรือไม่ว่าพรุ่งนี้พอตื่นขึ้นมานางจะกลับไปยังจวนองค์หญิงในเมืองหลวง กลับไปยังช่วงเวลาที่ไม่มีเฉินจิ้งจง บ้านสกุลเฉินถูกเนรเทศไปยังชายแดน
หากเป็นเช่นนั้นจริง นางย่อมไม่อาจทำอันใดได้ แต่อย่างน้อยนางก็ควรให้เฉินจิ้งจงได้เข้าใจว่านางไม่ได้รังเกียจเขาเหมือนอย่างก่อนหน้านี้แล้ว
หวาหยางค่อยๆ หันกลับมา เผชิญหน้ากับแผ่นหลังของเฉินจิ้งจงที่กำลังนอนตะแคงอยู่ ท่านอนเช่นนี้ทำให้ไหล่ของเขาดูกว้างมากยิ่งขึ้น
ความคิดของหวาหยางลอยละล่องไปไกล
ก่อนแต่งงานนางนอนเพียงลำพัง ตอนเฉินจิ้งจงตายนางกลายเป็นม่ายก็ยังคงนอนเพียงลำพัง
คนคนเดียวกัน ทว่าความรู้สึกกลับต่างกันลิบลับ
เพราะก่อนแต่งงานออกจากวังมานางพำนักอยู่ในวังหลวง วังหลวงคือบ้านของนาง มีเสด็จพ่อเสด็จแม่ มีน้องชาย
หลังเป็นม่าย นางอาศัยอยู่ในจวนองค์หญิงเพียงคนเดียว ไม่อาจเข้าไปพักอยู่ในวังหลวงได้อีก และไม่อาจรับเสด็จแม่มาอยู่ด้วยได้ ต่อให้รับมาได้จริง เสด็จแม่ก็ไม่มีทางยอมออกจากวังหลวง เพราะการกระทำเช่นนั้นอาจทำให้เหล่าขุนนางและราษฎรต่างพากันคาดเดาสงสัยไปต่างๆ นานา
จวนองค์หญิงคือบ้านของนาง แต่กลับเย็นเยียบไม่เหมือนบ้าน
ถ้าเฉินจิ้งจงมีชีวิตอยู่ ต่อให้สามีภรรยาทะเลาะกันทุกวัน อย่างไรก็ยังครึกครื้น
ตลอดระยะเวลาสามปีอันยาวนาน จะมากจะน้อยอย่างไรนางก็คิดถึงเขา
“อย่าขยับ”
ตั้งแต่นางขยับตัว เฉินจิ้งจงก็รู้แล้ว อีกทั้งยังคิดว่านางแค่เปลี่ยนท่านอนเท่านั้น นึกไม่ถึงว่านางจะพูดออกมาเช่นนี้
เฉินจิ้งจงยังคงนอนนิ่ง
หวาหยางแนบร่างเข้ามา มือวางลงบนเอวบางทว่าแข็งแกร่งของเขา
ถ้าไม่ใช่เพราะตอนกลางวันเขาทำนางโมโหครั้งแล้วครั้งเล่า บางทีนางอาจคิดกอดเขาเช่นนี้นานแล้ว
เฉินจิ้งจงตัวแข็งทื่อ
หวาหยางกุมแขนที่แข็งแกร่ง ลูบไล้ไหล่กว้างของเขา รับรู้ถึงร่างกายที่อุ่นร้อนของเขา ถึงตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายคือคนตัวเป็นๆ นอนอยู่ข้างกายนางจริงๆ
ใจนางสงบนิ่ง ทว่าร่างกายของเฉินจิ้งจงกลับร้อนดังไฟสุม
หรือว่านี่คือวิธีการใหม่ๆ ที่นางคิดใช้ทรมานข้า?
พอนึกขึ้นได้ว่าตอนเช้านางเพิ่งกินยาเข้าไป เฉินจิ้งจงก็หลับตา ทำตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ต่อ
หวาหยางหลับสนิท
นางจำได้ว่าตนเองนอนกอดเฉินจิ้งจงหลับไป แต่นึกไม่ถึงว่าพอเช้าตื่นขึ้นมากลับกลายเป็นเฉินจิ้งจงกอดนางแทน
ทั้งร่างของนางตกอยู่ในอ้อมแขนของเฉินจิ้งจง อกของเขากระเพื่อมไหวเป็นจังหวะสม่ำเสมออยู่บนแผ่นหลังของนาง แขนกำยำโอบอยู่บนเอวนาง
หวาหยางนึกดีใจที่ตนเองยังคงหันหลังให้เขา ขณะเดียวกันก็รังเกียจแขนของเขาที่หนักอึ้งเกินไป ทับจนนางอึดอัด นางลองยกแขนของเขาออก ทันใดนั้นแขนนั่นก็เหยียดยืดไปทางด้านหน้า ฝ่ามือขนาดใหญ่ตรึงร่างนางไว้อย่างแม่นยำ
หวาหยาง “…”
“ผอมลงจริงๆ ด้วย” ก่อนที่นางจะทันได้โกรธ เฉินจิ้งจงก็ชิงชักมือกลับก่อน เอ่ยปากกระซิบอย่างไม่พอใจ
หวาหยางหน้าตาบึ้งตึง
เฉินจิ้งจงเลิกคิ้ว “มีอะไร หรือมีแต่องค์หญิงที่เสียมารยาทกับข้าได้ แต่ข้าทำไม่ได้?”
หวาหยางหยิบหมอนขึ้นมาฟาดใส่เขา
เฉินจิ้งจงกระโดดลงจากเตียง วิ่งตรงไปที่ห้องเวจทันใด