“คันคออีกแล้วหรือ เจ็บหน้าอกหรือไม่ วันนี้ไม่ควรให้เจ้ามาด้วยเลยจริงๆ เรื่องขึ้นเขาเช่นนี้ ย่าไม่ควรตามใจเจ้าเลย” ไทเฮาตกใจ ทำให้นางกำนัลที่ติดตามอยู่ข้างกายพลอยตื่นตระหนกตามไปด้วย แต่ละคนยกชา ส่งผ้า ส่งกระโถนและลูบหลังให้ท่านอ๋องหนุ่มที่นั่งพิงที่เท้าแขนอยู่บนฟูกกันให้วุ่นวายไปหมด
มู่ไคเวยยังคงนิ่งสงบ นางไม่แม้แต่จะเลิกคิ้วขึ้น ทว่าจู่ๆ นางกลับได้ยินเสียงท่านอ๋องหนุ่มหัวเราะเบาๆ
“เสด็จย่า หลานไม่เป็นไร รีบให้แม่นางเสี่ยวมู่จื่อลุกขึ้นมาคุยกันดีกว่า”
เมื่อถูกเตือน ไทเฮาจึงหันมาสนใจมู่ไคเวยอีกครั้ง และสั่งให้นางทำตัวตามสบาย
มู่ไคเวยกล่าวขอบพระทัยแล้วลุกขึ้นเพื่อถวายรายงานอย่างกระชับชัดเจน “หน่วยประตูหกบานได้รับแจ้งข่าวว่าเมื่อห้าวันก่อนมีนักโทษอุกฉกรรจ์หนีออกจากคุกของศาลยุติธรรมแล้วมาอยู่ที่อารามเป่าหวา นักโทษรายนี้มีส่วนเกี่ยวพันกับคดีการหายตัวไปอย่างต่อเนื่องของสตรีในเมืองหลวง แต่เนื่องจากวันนี้เป็นวันประกอบพิธีสำคัญของอารามเป่าหวา มีไทเฮาและท่านอ๋องทรงให้เกียรติมาเยือน หน่วยประตูหกบานไม่อาจใช้กำลังล่วงล้ำ ทว่าการช่วยคนต้องเร่งด่วนเช่นเดียวกับการดับไฟ ผู้น้อยเป็นห่วงว่าหากช้าไปก้าวหนึ่งจะมีมือดีมาช่วยคนร้ายให้หนีไปไกลขึ้น และทำให้สตรีที่ถูกลักพาตัวไม่ได้รับการช่วยเหลือ”
แม้หยวนเต๋อต้าซือจะอายุมาก แต่พอได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้ว เขายังคงสงบปากไว้ไม่อยู่ “ใต้เท้ามู่เป็นหัวหน้ากลุ่มสี่ปักษีแห่งหน่วยประตูหกบานที่ได้รับการขนานนามว่าอสุราหน้าหยกแห่งเมืองหลวง แต่กลับทำงานชุ่ยๆ เช่นนี้หรือ ใต้เท้าบอกว่าอารามเป่าหวาของข้าซุกซ่อนคนร้ายหนีคุกไว้? แล้วท่านมีหลักฐานหรือไม่”
“เพราะมีหลักฐานทางเราถึงได้กล้าปิดล้อมห้องแสดงธรรมของต้าซือ” มู่ไคเวยหันไปเผชิญหน้ากับเจ้าอาวาสด้วยแววตาเยือกเย็น “กำลังคนและม้าจำนวนหลายกลุ่มของหน่วยประตูหกบานได้แทรกตัวปะปนอยู่ในเหล่าผู้ที่มีจิตศรัทธาในวันนี้เพื่อลอบสังเกตเหตุการณ์ คิดไม่ถึงว่าจะเจอคนร้ายลงมือในวัด พวกท่านช่างใจกล้ายิ่ง แม้แต่นางข้าหลวงในวังที่อยู่ในปกครองขององค์ไทเฮายังกล้าแตะต้อง หากไม่ใช่เพราะคนของข้าให้ความช่วยเหลือได้ทัน เกรงว่าคงมีผู้สูญหายเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคดีแล้ว”
ได้ยินคำว่านางข้าหลวงในวัง ไทเฮาก็หยัดกายนั่งตรงทันที “เสี่ยวอันจื่อ เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ หรือ”
นางกำนัลคนที่เข้ามาถวายรายงานเมื่อครู่ทูลตอบอย่างรวดเร็ว “กราบทูลไทเฮา พออันกูกูจัดการเรื่องคนที่จะเข้ามาถวายการรับใช้ในห้องแสดงธรรมเรียบร้อย แล้วออกจากห้องแสดงธรรมไปไม่นานก็ถูกคนเล่นงาน คนร้ายพุ่งเข้ามาอุดปากนางจากทางด้านหลังแล้วลากไปยังเรือนด้านหลังของอารามเป่าหวา โชคดีที่มือปราบของหน่วยประตูหกบานที่ปลอมเป็นผู้ที่มีจิตศรัทธาเห็นเข้า ไทเฮาไม่ต้องเป็นกังวลนะเพคะ เวลานี้อันกูกูปลอดภัยแล้ว แค่ข้อเท้าแพลงจากตอนดิ้น นางจึงให้หม่อมฉันมาถวายรายงาน”
ไทเฮาโล่งอก ผงกศีรษะ “เช่นนั้นก็ดีๆ” นางหันมามองมู่ไคเวย น้ำเสียงมีกระแสหวาดหวั่น “เสี่ยวมู่จื่อ แล้วคนร้ายเล่า จับตัวได้หรือไม่ เป็นใครกันแน่”
เสี่ยวอันจื่อ เสี่ยวมู่จื่อ…มู่ไคเวยคิดในใจว่า นี่คงเป็นคำเรียกที่แสดงถึงความสนิทสนมของไทเฮาเสียแปดส่วน