หญิงสาวจึงเลือกมองผ่านไป ใบหน้างดงามพริ้มเพราฉายแววเคร่งเครียดขณะทูลตอบ “กราบทูลไทเฮา คนของหม่อมฉันได้ต่อสู้กับคนร้ายซึ่งหน้า ทำให้แน่ใจว่าเป็นนักโทษที่แหกคุกของศาลยุติธรรมออกมาเมื่อห้าวันก่อนไม่ผิดแน่ แต่คนร้ายเจ้าเล่ห์เกินไป มันจับอันกูกูเป็นตัวประกันแล้วหนีหายไปที่ภูเขาด้านหลังของอารามเป่าหวา ขณะนี้เจ้าหน้าที่ของหน่วยประตูหกบานทุกคนกำลังตามจับตัวอยู่เพคะ”
“นี่ นี่มัน…เป็นไปได้อย่างไร เหตุใด…เพราะเหตุใด” สีหน้าของหยวนเต๋อต้าซือซีดเผือด เขาพยายามลุกแต่กลับยืนไม่ขึ้น
จังหวะนี้เอง กวนจื่อผู้เป็นหนึ่งในเจ็ดกวนแห่งอารามเป่าหวาและเป็นศิษย์ที่อาวุโสมากที่สุดก็ลุกขึ้นมาจากเบาะกลม เขาไม่ได้เข้ามาประคองเจ้าอาวาส แต่กลับหันไปโต้เถียงกับมู่ไคเวย “เป็นไปไม่ได้ ท่านโกหก ท่านแต่งเรื่องขึ้นเอง!”
มู่ไคเวยไม่โกรธซ้ำยังยิ้ม มือข้างหนึ่งของนางกุมมีดพกที่ข้างเอวพลางเอียงหน้ามอง “นักบวชย่อมไม่มุสา ข้ามิใช่นักบวชจึงต้องพูดปดบ้าง หวังว่าพระท่านคงไม่ลงทัณฑ์มากจนเกินไป แต่สำหรับพระอาจารย์ท่านนี้ อืม…ตำแหน่งที่นั่งของท่านเป็นลำดับที่สามของเจ็ดกวนแห่งอารามเป่าหวา แสดงว่าท่านน่าจะเป็นอาจารย์สามกวนจื่อ ไม่ทราบว่าอาจารย์กวนจื่อทราบได้อย่างไรว่าข้าแต่งเรื่องขึ้นเอง”
ก่อนหน้านี้นางพูดเป็นจริงเป็นจัง แต่ต่อมากลับยอมรับว่าโกหกได้อย่างหน้าชื่นตาบาน ทว่ายังไม่ทันที่ทุกคนจะดึงสติกลับคืนมาได้ ก็ได้ยินมู่ไคเวยพูดเสียงชัดเจนว่า “หรือที่อาจารย์กวนจื่อมั่นใจเป็นเพราะนักโทษแหกคุกคนนั้นถูกท่านสังหารไปนานแล้ว แม้แต่ศพก็กลบฝังเรียบร้อย ท่านเลยจับโกหกข้าได้อย่างซึ่งหน้า?”
“เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร!” กวนจื่อตวาดเสียงเกรี้ยว เส้นเลือดบนหน้าผากปูดโปน
“เหลวไหล?” มู่ไคเวยเลิกคิ้วและยิ้มอย่างเย็นชา “เมื่อคืนนี้ช่วงกลางดึก ภูเขาด้านหลังของอารามเป่าหวาไม่ได้สงบเงียบ เพราะมีรถสามล้อถูกลอบเข็นจากอารามไปที่ภูเขาด้านหลัง บนรถมีศพสามศพ การจะฝังศพทั้งสามให้เรียบร้อยคงต้องใช้แรงมากใช่หรือไม่ เสียดายที่อาจารย์กวนจื่อเข้าใจว่าตัวเองฝังศพเรียบร้อยโดยไม่รู้เลยว่าหน่วยประตูหกบานคอยสะกดรอยท่านอยู่เป็นเวลาหลายวันแล้ว ในที่สุดก็เห็นบุปผาเช่นท่านโผล่ออกมาจนได้”
สีหน้าของพวกไทเฮาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่ใบหน้าที่ได้รับการบำรุงดูแลจนเดาอายุไม่ออกของกวนจื่อกลับประเดี๋ยวดำประเดี๋ยวขาวมากยิ่งกว่า
หยวนเต๋อต้าซือลุกขึ้นยืนด้วยเนื้อตัวสั่นเทิ้ม เขาถามเสียงแหบแห้ง “กวนจื่อ…กวนเจินกับกวนเจี้ยเล่า เหตุใดจึงไม่เห็นศิษย์พี่ใหญ่กับศิษย์พี่รองของเจ้า ข้าไม่เห็นเงาของพวกเขาสองคนตั้งแต่เช้าแล้ว ในวัดก็ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาไปที่ใด เจ้าบอกมาซิว่าพวกเขาไปที่ใด”
ดวงตาของกวนจื่อหรี่ลงเล็กน้อย เขาเม้มปากไม่ตอบคำ
ชั่วขณะนั้น พระอาจารย์หนุ่มคนหนึ่งที่มีตัวอักษรกวนในชื่อเช่นกันผุดลุกขึ้นกล่าวด้วยน้ำเสียงปลอบใจ “อาจารย์ กวนชินรู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่กับศิษย์พี่รองอยู่ที่ใด กวนชินจะไปตามพวกเขามาให้เดี๋ยวนี้!”
“ไม่ว่าใครก็ห้ามไปที่ใดทั้งนั้น!” มู่ไคเวยพูดเสียงดุ
พร้อมกันนั้น อาวุธลับอย่างมีดบินก็ถูกเหวี่ยงออกจากมือของนางเสียงดังฟึ่บ มีดบินเปล่งประกายวาววับปักลงตรงปลายเท้าที่กำลังจะก้าวออกจากห้องแสดงธรรมของกวนชินพอดี
หญิงสาวกวาดตามองเหล่าภิกษุที่มีสมญานามว่ากวนแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึก “หยวนเต๋อต้าซือ เมื่อคืนคนของข้าไปขุดหลุมที่ภูเขาด้านหลัง นอกจากจะพบตัวคนร้ายที่แหกคุกของศาลยุติธรรม อีกสองศพที่เหลือคือพระอาจารย์สองท่านของอารามนี้ การจะนำศพบุรุษตัวโตๆ สามคนไปฝังกลางหุบเขาโดยไม่ให้ท่านและนักบวชในสำนักรู้ ต้าซือคิดว่าลำพังอาจารย์กวนจื่อเพียงคนเดียวจะทำสำเร็จได้ง่ายๆ หรือ”
ได้ยินมาถึงตรงนี้ ขาทั้งสองข้างของหยวนเต๋อต้าซือพลันอ่อนยวบจนต้องทรุดลงไปนั่งอีกครั้ง พลางพูดเสียงงึมงำฟังไม่ได้ความ