บัดนี้ ไทเฮาพอเข้าใจเรื่องราวคร่าวๆ แล้ว อำนาจอันน่าเกรงขามจึงแผ่ซ่าน นางสะบัดแขนเสื้อตบเบาะด้วยความโกรธจัด “บังอาจ! วิปริต! เห็นอารามเป่าหวาเป็นสถานที่เช่นใดกัน เจ้า…เจ้า…นี่…พวกเจ้า…พวกเจ้ายืนขึ้นเช่นนี้…คิดจะทำอะไร!”
ในบรรดาพระอาจารย์ที่มีสมญานามว่ากวนทั้งห้าคน นอกจากกวนจื่อกับกวนชินที่ยืนนิ่งไม่ขยับ อีกสามคนที่เหลือต่างยันกายขึ้นมาจากเบาะกลมทีละคนอย่างช้าๆ พลางจ้องหน้าแขกผู้ทรงเกียรติที่ขึ้นเขามาเยือนในวันนี้ด้วยสีหน้าทะมึนคล้ายจะเป็นคำตอบให้แก่สิ่งที่มู่ไคเวยถามไปเมื่อครู่ว่า…คนคนเดียวไม่มีทางทำงานสำเร็จโดยง่าย แต่หากห้าคนร่วมแรงร่วมใจกัน ย่อมสะดวกง่ายดาย
ห้องแสดงธรรมตกอยู่ในความเงียบชั่วอึดใจ กวนจื่อมองหยวนเต๋อต้าซือที่นั่งนิ่งขาอ่อนเปลี้ยแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเคารพยกย่องว่า “อาจารย์ พวกเราทำเพื่อท่าน และเพื่อความมั่นคงรุ่งเรืองของอารามเป่าหวา ศิษย์พี่กวนเจินกับศิษย์พี่กวนเจี้ยไม่ยอมเข้าใจ พอพวกเขาเห็นนักโทษแหกคุกและสิ่งที่ไม่ควรเห็น พวกเราจึงจำเป็นต้องลงมือ เสียสละพวกเขาเพื่อวันข้างหน้าของทุกคน”
หยวนเต๋อต้าซือมีน้ำตากลบดวงตา เขาส่ายหน้าพูดเสียงงึมงำ “อกตัญญู…เนรคุณ…นี่พวกเจ้าทำอะไรลงไป”
จังหวะนี้ กวนชินที่แสร้งทำเป็นจะออกไปตามคนก็หยิบคบเพลิงอันหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ เขายอบกายลง ก่อนจะเอาคบเพลิงขีดกับพื้นทำให้ไฟติดขึ้นมาทันที
“วางลง!” ทันทีที่หางตาของมู่ไคเวยเห็นแวบๆ นางก็ซัดมีดบินที่เป็นอาวุธลับออกไป
ทว่ากวนชินกลับยิ้มแปลกๆ เขาไม่ได้หลบเลี่ยงแต่ปล่อยให้มีดบินตัดนิ้วสองนิ้วไปเสียอย่างนั้น คบเพลิงระเบิดตูม แสงไฟพุ่งทะลุหลังคาขึ้นไปแตกตัวบนฟ้า
ดูท่านี่จะเป็นปืนไฟขนาดเล็กที่ใช้ในการสื่อสาร แสดงว่าในอารามเป่าหวาจะต้องมีคนของพวกเขาอีก
มู่ไคเวยชักกระบี่ออกจากฝัก เมื่อกระบี่สาดประกายวาววับประดุจหิมะ ก็ยิ่งขับเน้นใบหน้าดูเหี้ยมเกรียมและสองตาลึกล้ำดูพรั่นพรึงมากยิ่งขึ้น
ข้าหลวงและนางในที่สามารถเข้ามาถวายการรับใช้ใกล้ชิดในห้องแสดงธรรมมีจำนวนไม่ถึงสิบคน และบัดนี้แต่ละคนล้วนอยู่ในท่าทางที่อลหม่าน
ข้าหลวงสองคนร้องโวยวายจะวิ่งออกไปข้างนอก แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะออกไปเรียกองครักษ์ที่อยู่ด้านนอกสำเร็จก็ถูกกวนจีผู้เป็นลำดับสี่ในเจ็ดกวนแห่งอารามเป่าหวาเตะจนสลบเหมือดในเท้าทีเดียว วิชาบาทาไร้เงาของเขาแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่เก็บงำประกายได้อย่างแนบเนียน
ในขณะเดียวกันก็มีเสียงต่อสู้ดังเข้ามาจากด้านนอก ปืนไฟที่กวนชินปล่อยขึ้นฟ้าให้ผลชะงัด เพราะมันทำให้คนของอารามเข้าเล่นงานองครักษ์จากวังหลวงจำนวนเกือบร้อยนายในระยะประชิด เสียงดาบกระทบกันและเสียงโหวกเหวกดังก้องห้องแสดงธรรม คล้ายกับมีศัตรูกรูเข้ามาจากสี่ทิศแปดทาง ทำให้ผู้สูงศักดิ์ภายในห้องไร้ซึ่งหนทางหลบหนี