“ท่านผู้อาวุโสอารมณ์ดีที่เห็นข้าปล่อยไก่หรือ” ฟู่จิ่นซีลูบหน้าแล้วแบมือออกทั้งสองข้าง
“เห็นท่านอ๋องปล่อยไก่เพราะสตรี อืม ก็ไม่เลว…” ผู้อาวุโสหญิงผงกศีรษะ “ข้าอารมณ์ดีมาก”
แต่เหล่าเซวียที่รับฟังอยู่ด้านข้างไม่รู้สึกอารมณ์ดีด้วย พอเขาตั้งท่าจะแย้ง ฟู่จิ่นซีกลับชิงพูดขึ้นก่อน
“เช่นนั้นก็ดี ข้าจะรับแม่นางท่านนั้นมาร่วมเรือน แล้วจะได้ปล่อยไก่เพราะนางทุกวัน พลอยทำให้ท่านผู้อาวุโสอารมณ์ดีไปด้วย ถือเป็นการตอบแทนบุญคุณที่ท่านช่วยชีวิตข้าไว้เมื่อสิบเจ็ดปีก่อน และคอยอบรมสั่งสอนข้าตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ด้วย”
น้ำเสียงของชายหนุ่มเนิบช้าราบเรียบ แต่พอเขาพูดเช่นนี้ออกไปกลับทำให้เหล่าเซวียมีอาการปากอ้าตาค้าง ส่วนผู้อาวุโสหญิงหรี่ดวงตาทั้งสองข้างลง
ลมหายใจของเหล่าเซวียสะดุด เขาถามเสียงตะกุกตะกัก “นาย…ท่าน ในที่สุดท่านก็ยอมแต่งงานแล้วหรือขอรับ ดี…ดีเหลือเกิน มันต้องเช่นนี้สิ…คังอ๋องผู้สืบเชื้อสายราชนิกุลผู้สูงส่งจะอยู่เดียวดายไปตลอดชาติได้อย่างไร พวกเราอยู่กันเช่นนี้มานานพอแล้ว แต่งงานเสียก็ดี จะได้มีพระชายามาช่วยควบคุมดูแลบ้าน ให้ชีวิตมีรสชาติ…มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง ล้วนเป็นเรื่องดี”
“อืม จะต้องดีมากแน่ๆ” ฟู่จิ่นซีตอบรับยิ้มๆ
“จริงหรือ หรือท่านอ๋องคิดจะมองเมินคำเตือนก่อนตายของจอมยุทธ์หญิงแซ่ลิ่น?” สีหน้าของผู้อาวุโสหญิงกลับมานิ่งสงบอย่างที่เคยเป็นอีกครั้ง
“ไม่ใช่เช่นนั้น” ฟู่จิ่นซีปฏิเสธเสียงหนักแน่น เขาเงียบไปพักหนึ่งเหมือนกำลังคิดทบทวนเรื่องบางอย่างซ้ำแล้วซ้ำอีก ก่อนเงยหน้าขึ้นอย่างคนที่ตัดสินใจเด็ดขาด “ข้าจะปกป้องนาง และมอบชีวิตให้แก่นาง”
ได้ยินเช่นนี้ เหล่าเซวียต้องใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาแรงๆ ส่วนผู้อาวุโสหญิงยังคงมองท่านอ๋องหนุ่มผู้ถูกไฟผลาญใจซ้ำแล้วซ้ำอีกด้วยแววตาลึกซึ้ง นางนิ่งเงียบเป็นเวลานาน สุดท้ายจึงแค่นเสียงเย็นพูดกับเขาว่า “อีกเดี๋ยวไปแช่สระสมุนไพรของข้าแล้วเข้านอนเสีย กลิ่นพิษบนตัวเจ้าฉุนกึกจนทนไม่ได้จริงๆ”
จบคำ ผู้อาวุโสหญิงก็ลุกขึ้นเดินออกไปด้านนอกอย่างไม่สนใจเรื่องของ ‘ท่านอ๋อง’ อีก
“…ท่านอ๋อง เช่นนี้แสดงว่านางไม่คัดค้าน ใช่หรือไม่ขอรับ” เหล่าเซวียสูดจมูก ตามองตามผู้อาวุโสหญิงที่เดินจากไปพลางเอ่ยถาม
“อืม” ฟู่จิ่นซีแอบถอนหายใจอยู่ในอก เหมือนได้วางหินก้อนใหญ่ที่มองไม่เห็นลง
เพราะก่อนหน้าที่จอมยุทธ์หญิงแซ่ลิ่นจะสิ้นใจ ผู้อาวุโสหญิงก็อยู่ข้างๆ ด้วย
นางย่อมได้ยินคำเตือนที่สั่งเขาว่าอย่าได้ข้องแวะกับสกุลมู่อย่างถนัดชัดเจน หากนางยับยั้งเขาตามคำสั่งเสียของจอมยุทธ์หญิงแซ่ลิ่น สถานการณ์ต้องหนักหนาสาหัสแน่นอน แต่นี่นางกลับไม่ได้คัดค้าน เพียงแต่ซักถามแล้วเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น ซึ่งการตอบรับอย่างเป็นนัยนี้…เพราะนางเห็นฟู่จิ่นซีเป็นคนน่าสงสารใช่หรือไม่?