นอกจากขาข้างที่ใช้สกัดการกระทำอุกอาจของหลีอ๋องแล้ว มู่ไคเวยไม่ได้ก้าวเท้าเลยแม้แต่ก้าวเดียว นางถือกระบี่ยืนอยู่ที่เดิมนิ่งๆ ไม่พูดเลยสักคำ แต่กลับมีมือข้างหนึ่งมาเคาะไหล่นางเบาๆ เมื่อหญิงสาวหันไปมองก็สบเข้ากับเนตรหงส์เรียวแต่ไม่หรี่แคบของคังอ๋องเข้าพอดี
หญิงสาวชักเริ่มรู้สึกหวาดๆ แต่การที่เขามองนางตาปริบๆ ริมฝีปากรูปกระจับคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มเช่นนี้ ทำให้นางรู้สึกสบายใจขึ้น
มู่ไคเวยรู้สึกว่าตนต้องมนต์เสน่ห์ของเนตรหงส์คู่งามนี้ราวแปดส่วน ทำให้เกิดอาการใจลอยจนพูดไม่ออก คอยจนนางตั้งสติได้อีกครั้ง คังอ๋องก็เดินมายืนเคียงข้างนางแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ ที่ทำให้ทุกคนสงบลงได้ว่า
“ชายาหลีอ๋องพูดเช่นนี้ไม่ถูก ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่หลีอ๋องถูกเสด็จลุงสั่งกักบริเวณแต่เขากลับมาอยู่ที่จวนของข้า ในเมื่อพวกท่านสองสามีภรรยาบอกว่าอยากมาอวยพรงานแต่ง จิ่นซีย่อมรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก ทว่าการทำเช่นนี้เท่ากับเป็นการขัดพระบัญชา แต่เชื่อว่าทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้คงยอมลืมตาข้างหนึ่ง หลับตาข้างหนึ่งเพื่อให้เรื่องนี้จบ ไม่ต้องไปถึงพระเนตรพระกรรณของเสด็จลุง”
เขาพูดเหมือนยินดีให้อภัยชายาหลีอ๋อง แต่กลับยกประเด็นเรื่อง ‘ขัดพระบัญชา’ ขึ้นมา
ทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป เพราะเรื่องนี้จะว่าเล็กก็ว่าเล็ก จะว่าใหญ่ก็ว่าใหญ่ แต่เรื่องจะใหญ่หรือจะเล็กก็อยู่ที่ว่าจะมีคนใส่ไฟมากเท่าไร ต่อให้ชายาหลีอ๋องโง่เพียงใดก็ยังไม่โง่ถึงขั้นฟังความนัยนี้ไม่ออก
ฟู่จิ่นซีก้าวออกมาข้างหน้าก้าวหนึ่งแล้วพูดยิ้มๆ “อีกประการ สิ่งที่อยู่ในมือของชายาข้าก็ไม่ใช่อาวุธสังหาร เนื่องจากขุนนางหญิงของราชวงศ์เราหากแต่งงาน แม้จะสามารถดำรงตำแหน่งเดิมได้ แต่ก็ต้องลาออกจากราชสำนักและมอบชุดขุนนางกับของใช้ในงานของทางการคืนให้หลวง และในตอนที่นางไปถวายหนังสือลาออกจากกลุ่มสี่ปักษีแห่งหน่วยประตูหกบานกับฝ่าบาทอย่างเป็นทางการ ฮ่องเต้ทรงเล็งเห็นถึงความยากลำบากของสกุลมู่จึงพระราชทานกระบี่ประจำตำแหน่งเล่มนี้ให้แก่ชายาข้า การที่ชายาหลีอ๋องเรียกของพระราชทานว่าเป็นอาวุธสังหารเช่นนี้ คงไม่ดีกระมัง”
“ข้า…คือ ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าแค่หลุดปากออกไปเพราะตกใจ…” ชายาหลีอ๋องตกใจจนลืมทำน้ำตาไหล นางรีบหันไปมองแขกสตรีที่เป็นราชนิกุลหญิงซึ่งบัดนี้พากันถอยหลังไปไกล หากแต่ละคนกลับเอาแต่ก้มศีรษะและเบือนหน้าไปทางอื่น ไม่มีสักคนที่ยอมมองสายตาอ้อนวอนของนาง
มู่ไคเวยคิดไม่ถึงว่าคังอ๋องจะรู้เรื่องที่ฮ่องเต้พระราชทานกระบี่ให้แก่นาง และยิ่งคิดไม่ถึงว่าบุรุษอ่อนแอคนนี้จะเป็นฝ่ายเข้ามายืนเคียงข้าง ซ้ำยังก้าวออกไปยืนขวางหน้าให้นางอีกด้วย หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองแผ่นหลังของเขาแล้วพลันรู้สึกว่าบุรุษตรงหน้าสูงกว่าร่างเล็กจ้อยของนางเยอะ และไหล่ทั้งสองข้างก็กว้าง…แค่ก ดูไม่เหมือนคนที่อ่อนแอจนไม่อาจทานแม้แต่แรงลมเลย
“ชายาหลีอ๋องไม่ต้องตกใจ” สีหน้าและน้ำเสียงของมู่ไคเวยยังคงราบเรียบไม่เปลี่ยน “เมื่อครู่ข้าแค่ป้องกันตัวอย่างเดียว ไม่ได้ใช้แรงมาก หลีอ๋องเพียงสลบไปสักพักก็ฟื้นแล้ว”