“พี่สะใภ้!” เขาเรียกเสียงกระตือรือร้น “ข้าชื่อจิ่นอี้ ข้ารู้สึกว่าพี่สะใภ้เก่งมากๆ! เก่งมากๆ เลยด้วย!” เขายกนิ้วโป้งข้างหนึ่งขึ้นมาประกอบ
ฟู่จิ่นอี้
พระราชโอรสองค์ที่เก้าของฮ่องเต้ซิงอวี้ เป็นพระราชโอรสองค์สุดท้องในเวลานี้
พระราชโอรสองค์ที่หก เจ็ดและแปด จำนวนสามองค์ต่างล้มป่วยและเสียชีวิตไปตั้งแต่อายุยังไม่ถึงห้าขวบ ดังนั้นเมื่อองค์ชายเก้าฟู่จิ่นอี้เกิด เขาจึงเหมือนได้รับการปกป้องดูแลจากสวรรค์เป็นพิเศษ เพราะตั้งแต่เล็กมาเขาไม่เคยป่วยเลย สุขภาพแข็งแรง จนสามารถกระโดดโลดเต้นได้ตลอด ทำให้องค์ชายที่เกิดมาพร้อมดาวนำโชคคนนี้ได้รับความโปรดปรานอย่างที่สุด แม้จะอายุยังน้อย ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นอ๋องหรือมีจวนเป็นของตัวเอง แต่การที่ฮ่องเต้ให้เขาอยู่ในวัง อยู่ข้างกายบิดา ย่อมแสดงถึงความโปรดปรานที่พระองค์ทรงมีต่อองค์ชายเก้าอย่างชัดเจน
คำชมที่องค์ชายเก้ามีให้มู่ไคเวยอย่างกะทันหันทำให้อารมณ์ที่นิ่งสงบของนางเกิดความรู้สึกอ่อนไหวเล็กน้อย
แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะตื่นเต้นและเกร็งมากจนไม่อาจคอยให้หญิงสาวพูดก่อนได้
“ข้าเคยได้ยินว่าพี่สะใภ้นำหน่วยประตูหกบานไล่ล่าสังหารคนชั่ว อภิบาลคนดี กำราบความอยุติธรรมในใต้หล้า มาวันนี้ได้เห็นท่านร่ายรำกระบี่แล้วรู้สึกตื่นตะลึงอย่างมาก ข้าเห็นแล้ว…อา! ไม่นับว่าเห็นสิ เพราะข้าแค่แอบเห็นนิดเดียวเอง” เขาถอนหายใจเบาๆ “ถึงจะแค่นี้แต่ก็ทำให้อารมณ์เดือดพล่านจนอดชื่นชมไม่ได้! พี่สะใภ้…” เขาเรียกเสียงดังกังวานอีกครั้ง
หัวใจของมู่ไคเวยกระตุกแต่จำเป็นต้องรับคำ “…เพคะ”
“หากวันใดมีเวลาว่าง จิ่นอี้จะขอมาคารวะท่าน ถึงตอนนั้นคงต้องรบกวนพี่สะใภ้ด้วย”
“รบกวนเรื่องอะไรหรือ” มู่ไคเวยอดยิ้มน้อยๆ ให้เด็กชายผู้งามเหมือนหยกขาวแกะสลัก ที่มีชีวิตชีวาและร่าเริงคนนี้ไม่ได้
“รบกวนให้ท่านสอนวรยุทธ์ที่ใช้กับพี่ห้าเมื่อครู่ให้ข้า!” เขากะพริบตาปริบๆ
มู่ไคเวยเม้มปากกลั้นหัวเราะ
แต่มุมปากของท่านอ๋องอีกคนกลับกระตุกไม่หยุด นึกอยากฟาดองค์ชายน้อยที่กำลังทำท่าน่ารักน่าเอ็นดูใส่เจ้าสาวหมาดๆ ของเขาให้สลบแทบขาดใจ
“แค่กๆ…แค่กๆๆ…แค่กๆ…แค่กๆๆๆ…”
คังอ๋องไออย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยจนหน้าซีดๆ แดงจรดใบหูภายในชั่วพริบตา ร่างสูงงอตัวลง และเหมือนจะไอเอาเครื่องในทั้งหมดออกมาด้วย
มู่ไคเวยตกใจ นางโยนกระบี่ในมือไปให้หลันกูกูรับไว้แล้วใช้สองมือที่ว่างเปล่าประคองฟู่จิ่นซี
“ท่านอ๋อง?” กลิ่นที่โชยเข้าจมูกนางมีแต่กลิ่นยา
ชั่วขณะนั้นมู่ไคเวยฉุกคิดถึงเรื่องที่เขาเคยเล่าให้ฟัง ฟู่จิ่นซีบอกว่าเขาป่วยเป็นโรคประหลาด กว่าจะรักษาได้ก็เฉียดตายมาแล้วหลายครั้ง และร่างกายยังเสียหายอีก หญิงสาวคิดแล้วอดรู้สึกปวดใจไม่ได้
นางประคองฟู่จิ่นซีที่ไอจนตัวกระตุกกลับไปนั่งที่เตียงก่อนหันไปกล่าวขออภัยองค์ชายเก้าว่า “ขอองค์ชายโปรดประทานอภัย แต่หม่อมฉันกับสามีคงต้องขอตัวพักผ่อนก่อน ไว้วันหลังเราค่อยคุยกันใหม่ได้หรือไม่”
“ได้ๆ แล้วแต่พี่สะใภ้เลย!” ฟู่จิ่นอี้พยักหน้ารัวๆ เหมือนทุบกระเทียมแล้วเดินออกไปข้างนอก แต่ยังไม่ลืมส่งเสียงมาว่า “พี่จิ่นซีรักษาสุขภาพด้วยนะ คืนนี้เป็นวันดี เป็นฤกษ์มงคลอย่างยิ่ง อย่าให้เสียเปล่าเด็ดขาด น้องชายหวังเหลือเกินว่าพวกท่านสองคนจะภิรมย์สมสุขกันไปตลอดกาล!”
คังอ๋องที่ไล่คนได้สำเร็จไม่ได้รับคำ ศีรษะสวยได้รูปเอนพิงไหล่ของภรรยา แต่ริมฝีปากรูปกระจับกลับยกยิ้ม
(ติดตามตอนต่อไปวันที่ 8 พ.ย. 62)