“เลิกคุยกันได้แล้ว วันนี้เป็นวันมงคล เหตุใดต้องมีปากเสียงกันเช่นนี้ด้วย”
“นั่นสิ เฮ้อ พวกเรามาป่วนห้องหอแต่ห้ามสร้างเรื่องกันจริงๆ มิใช่หรือ ต้องไว้หน้าบ่าวสาวบ้างสิ”
เหล่าพระญาติหญิงพยายามพูดคลี่คลายสถานการณ์กันอย่างเจ้านิดข้าหน่อย บางคนมีเจตนาดีจริง แต่บางคนก็ตั้งใจใส่ไฟ
มู่ไคเวยหัวเราะเสียงเย็นอยู่ในใจ แต่สีหน้ายังคงนิ่งสนิท
ปากบอกให้ไว้หน้าบ่าวสาว แต่เวลานี้นางกลับไม่ต้องการหน้าตาพวกนั้น
นางกำลังคิดอยู่ว่าจะเอาตัวหลีอ๋องมาอย่างไร สวรรค์ก็เหมือนจะได้ยินความปรารถนาของนางจึงส่งคนให้เข้าประตูมาพอดี
ปัง!
เสียงบุรุษด่ากราดดังมาจากข้างนอกอย่างได้ยินชัดถนัดหู
“เล่นบ้าอะไร?! กล้ามาขวางทางข้า เบื่อชีวิตกันแล้วใช่หรือไม่?!”
“องค์ชายห้า องค์ชายห้าพ่ะย่ะค่ะ! ท่านเสียงดังเกินไปแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ! ผู้น้อยไม่ได้ขวางท่านแต่…ข้างในเป็นห้องหอของท่านอ๋องกับพระชายา ไม่สะดวกให้แขกบุรุษเข้าออก ผู้น้อย…โอ๊ย! เจ็บ!” คนถูกเตะจนล้มต้องสะกดกลั้นต่อความเจ็บจนลมหายใจสะดุด
มู่ไคเวยคอยจับสังเกตความเคลื่อนไหวข้างนอกมาโดยตลอด
นางพอจะคาดการณ์ได้ว่าเจ้าของเสียงๆ หนึ่งในกลุ่มบุรุษหลายคนที่กำลังเอะอะโวยวายกันเต็มที่ น่าจะเป็นคนที่นางกำลังต้องการตัว ทั้งยังเห็นชายาหลีอ๋องแยกตัวออกจากกลุ่มแขกสตรี ทำให้นางเดาเรื่องทั้งหมดได้
ซึ่งก็เป็นจริงตามคาด เพราะความโกลาหลที่ห้องชั้นนอกทวีความรุนแรงมากขึ้นจนบ่าวของจวนไม่อาจขวางหลีอ๋องเอาไว้ได้อีก
“จะขวางอะไรกันนักหนา ขืนยังขวางข้าอีก ข้าจะตัดหัวพวกตาไร้แววอย่างพวกเจ้า! เจ้าหนูจิ่นซีได้รับพระราชทานสมรสเป็นครั้งที่สาม ครั้งที่สามแล้วนะ ฮ่าๆๆ ในที่สุดครั้งนี้ก็รับสนองพระราชโองการสำเร็จ…มา! มานี่ๆ! ให้ข้าดูหน่อยว่าเจ้าร่วมหอเป็นหรือไม่ อย่าทำให้เจ้าสาวต้องผิดหวังเชียว!”
ร่างอ้วนท้วนพุ่งเข้ามาในห้องด้วยฝีเท้าโซซัดโซเซเล็กน้อย กลิ่นสุราคลุ้งกระจายเต็มห้องอย่างรวดเร็ว เนื่องจากหลีอ๋องผู้มีอายุเพียงยี่สิบหกปีเป็นพวกตะกละกินดื่ม ทำให้มีถุงใต้ตา คางมีเหนียงสองชั้น ใบหน้าขาวแดงก่ำเพราะฤทธิ์สุราอย่างไม่มีราศี ทันทีที่เขาก้าวเข้ามาในห้อง บรรดาแขกสตรีต้องโบกผ้าเช็ดหน้ากันให้วุ่น ทำท่าเหมือนไม่อยากสมาคมกับเขา แต่ก็อยากจะยืนชมเรื่องสนุกอยู่ที่ด้านข้าง
มีเพียงชายาหลีอ๋องเพียงคนเดียวที่โผเข้าไปหา